ต้นกล้าไม้ประดู่ชิงชัน 20-30เซน(ชุด10ต้นแถมฟรี1ต้น350บาท)
ต้นกล้าไม้ประดู่ชิงชัน-20-30เซน-ชุด10ต้นแถมฟรี1ต้น350บาท
ข้อมูลสินค้า
ราคา
350.00 บาท
แบรนด์
No Brand
ร้านค้า

ควรปลูกบริเวณใดของบ้าน

ต้นชิงชัน โดยส่วนใหญ่มักจะพบในป่าเบญจพรรณ และป่าดิบแล้ง ที่ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 100-700 เมตร ภายในบ้านจะนิยมปลูกกันที่หน้าบ้านหรือมุมใดมุมหนึ่งของบ้าน เนื่องจากจะให้ร่มเงาแก่บ้าน ให้อยู่เย็นเป็นสุขยิ่งขึ้น ต้องเป็นที่ระบายน้ำได้ดีด้วย และควรให้ห่างไกลจากตัวบ้านพอสมควร เนื่องจากเป็นต้นไม้ใหญ่ รากจะชอนไชทำให้โครงสร้างของบ้านเสียหายได้ในภายหลัง

ส่วนประกอบของต้นไม้

ลำต้น

เป็นไม้ประเภทไม้ยืนต้น ที่มีขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่ มีความสูงประมาณ 15-25 เมตร แต่สำหรับบางต้นก็สามารถสูงได้มากที่สุดถึง 30 เมตร ขึ้นอยู่กับการดูแลและสภาพแวดล้อม มีอายุอยู่หลายปี เปลือกของต้นชิงชันมีสีเทาปนน้ำตาลเล็กน้อย ผิวสัมผัสเป็นเกล็ดบางๆ บริเวณเปลือกภายในนั้นจะเป็นสีเหลือง เนื้อไม้สีน้ำตาอ่อนอมเหลืองมีเส้นแทรกสีดำ เนื้อละเอียดปานกลาง แข็งและเหนียวมาก

ดอก

ดอกของต้นชิงชันเป็นดอกแบบช่อ เป็นดอกที่ช่อเชิงประกอบ จะออกตามปลายกิ่ง ดอกมีสีขาวอมม่วง สิ่งที่น่าสนใจก็คือดอกชิงชันจะออกมาพร้อมกับการผลิตใบใหม่อยู่เสมอ มีเกสรตัวผู้ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มดอก แต่ละกลุ่มก็จะประกอบกัน 5 อัน ดอกชิงชันจะมีช่วงเดือนที่ออกดอก นั่นคือ มีนาคมไปจนถึงพฤษภาคม

ใบ

เป็นประเภทของไม้ผลัดใบ ใบจะประกอบเป็นแบบแผงขนนก ซึ่งมีใบย่อยประมาณ 11-18 ใบ เรียงสลับกันไปมา ลักษณะของใบจะเป็นรูปไข่และรูปรีแกมรูปขอบขนาน บริเวณปลายจะมนโค้ง บริเวณโคนใบจะกลมมน มีความกว้างประมาณ 1.5-3 เซนติเมตร และมีความยาว 5-8 เซนติเมตร ขอบจะเรียบ ผิวสัมผัสของใบจะเรียบ เป็นมันวาว ด้านบนของใบจะเป็นสีเขียวเข้ม ส่วนใต้ใบจะมีสีเขียวที่ซีดกว่า

ผล

มีผลเป็นแบบฝัก ลักษณะแบน แผ่เป็นปีกยาว รูปร่างจะเป็นรูปรีหรือรูปขอบขนาน มีความกว้างประมาณ 3-3.5 เซนติเมตร และความยาวประมาณ 8-17 เซนติเมตร ผิวของฝักจะเรียบ เปลือกฝักที่ห่อหุ้มเมล็ดไว้จะมีความหนาและแข็ง มีลักษณะเป็นกระเปาะกลมหรือแกนรีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จะนูนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ส่วนมากในแต่ละฝักจะมีเมล็ดเพียงเมล็ดเดียว ซึ่งเมล็ดจะมีลักษณะคล้ายกับรูปไต จะมีสีน้ำตาล ฝักโดยส่วนใหญ่จะออกในช่วงของเดือนพฤษภาคมไปจนถึงกันยายน

สายพันธุ์

ต้นชิงชันเป็นต้นไม้ที่มีสายพันธุ์ประมาณ 80 ชนิดทั่วโลก แต่ในประเทศไทยมีประมาณ 30 ชนิด ซึ่งสายพันธุ์ที่หวงห้ามมีเพียง 3 ชนิดเท่านั้น คือ พะยูง (D.cochinchinensis), ชิงชัน (D.oliveri) และกระพี้เขา (D.cultrata)

วิธีการปลูก

ในการปลูกต้นชิงชันนั้นนิยมใช้วิธีการเพาะเมล็ด โดยมีวิธีคือ ให้นำเมล็ดไปแช่ในน้ำร้อน ที่มีอุณหภูมิประมาณ 60-70 องศาเซลเซียส จากนั้นก็ทิ้งไว้ให้น้ำเย็นไปเอง โดยแช่ไว้อย่างนั้นจนถึง 6 ชั่วโมง ให้สังเกตดูว่าเมล็ดจะงอกออกมาภายในเวลา 10-12 วัน จากนั้นนำไปปลูกที่ดินที่เราต้องการ ซึ่งจะต้องพรวนดินเพื่อเพิ่มออกซิเจนให้แก่ดิน และใส่ปุ๋ยในปริมาณที่เหมาะสม ก่อนจะนำเมล็ดไปปลูกลงดิน แล้วฝังกลบให้มิด โดยทั่วไปต้นกล้าของชิงชันจะใช้เวลาเจริญเติบโตภายในเวลา 6 เดือน จะมีความสูงประมาณ 35-45 เซนติเมตร จากนั้นสามารถนำไปลงดินที่อื่นได้

ประโยชน์หรือสรรพคุณอื่นๆ เช่นฟอกอากาศ

  • เลื่อยผ่าตกแต่งยาก เนื่องจากแข็งและเหนียว แต่เมื่อนำไปขัดชักเงาได้ดีมาก จึงนิยมนำไปใช้ในการทำเครื่องเรือน เครื่องใช้ต่างๆได้สวยงามจากเนื้อไม้ และมีความอายุการใช้งานที่ทนทานด้วย
  • สำหรับบางบ้านหรือสถานที่ ก็นิยมนำไปปลูกเป็นไม้ประดับ เพื่อให้ร่มเงาและเพื่อความสวยงาม
  • เนื้อไม้ใช้แปรรูปได้
  • ใช้เป็นส่วนประกอบของเกวียน พานท้ายปืน
  • ใช้เป็นวัสดุในการทำเครื่องดนตรี อาทิเช่น ขลุ่ย ซอ จะเข้ ลูกระนาด กลองโทน รำมะนา กรับ ขาฆ้องวง เป็นต้น
  • ส่วนของแก่นของต้นชิงชัน มีสรรพคุณช่วยในการบำรุงโลหิตในผู้หญิงได้ดี ให้รสฝาดร้อน
  • ส่วนของเปลือกต้นชิงชัน สามารถนำไปต้มแล้วนำมาชะล้างหรือสมานบาดแผล รวมไปถึงช่วยรักษาแผลเรื้องรังอีกด้วย
คำที่เกี่ยวข้อง
ต้นกล้าไม้ต้นกล้าไม้ป่าต้นกล้าไม้พยุงต้นกล้าไม้ดอกต้นกล้าไม้ผลต้นกล้าไม้สักต้นกล้าไม้มะริดชุดต้นกล้าต้นกล้ามะลิต้นต้นกล้าต้นหอม

สินค้าใกล้เคียง