หลายคนเคยได้ยิน หรือทราบถึงคุณประโยชน์ของ เก๋ากี้ หรือ โกจิเบอร์รี่ ที่มีต่อสุขภาพ แต่ยังคงมีข้อสงสัยถึงคำกล่าวอ้างดังกล่าวอยู่ โดยเก๋ากี้ถือเป็นสมุนไพร หรือยาตามตำรับแพทย์แผนจีนโบราณ ใช้ในการบำรุงรักษาสายตา, บำรุงตับ, บำรุงไต และอาการเจ็บปวดต่างๆ เก๋ากี้มีรสหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อยซึ่งมีรสชาติคล้ายกับลูกเกดเลยทีเดียว

ข้อมูลทางโภชนาการ

เก๋ากี้ หรือโกจิเบอร์รี่ อุดมไปด้วยวิตามิน และแร่ธาตุมากมาย เช่น

วิตามิน C
ไฟเบอร์
ธาตุเหล็ก
วิตามิน A
ซิงค์
สารต้านอนุมูลอิสระ
ทั้งนี้ ยังอุดมไปด้วยกรดอะมิโนทั้ง 8 ชนิด ที่จำเป็นต่อร่างกาย การรับประทานเก๋ากี้เพียง 115 กรัม ต่อวัน สามารถให้โปรตีนแก่ร่างกายได้มากเท่ากับ 10 เปอร์เซ็นต์ ที่ร่างกายต้องการต่อวัน

ในส่วนของคาร์โบไฮเดรตนั้น ในเก๋ากี้เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขื้นอย่างช้าๆ ช่วยลดการผันผวนของระดับน้ำตาลในเลือดได้

ข้อควรทราบก่อนการรับประทานเก๋ากี้

ก่อนการเริ่มรับประทานเก๋ากี้เพื่อใช้เป็นยาทางเลือกนั้น ควรทำการปรึกษาแพทย์ประจำตัวก่อนเพื่อไม่ใช้ส่งผลกระทบข่างเคียงต่อยาแผนปัจจุบันที่ใช้อยู่

ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานเก๋ากี้ในกรณีดังนั้น


มีระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ
ใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น วาร์ฟาริน
มีความดันเลือดสูง หรือต่ำ
อยู่ระหว่างให้นมบุตร หรือตั้งครรถ์
มีภูมิแพ้ต่อผลไม้
การรับประทานเก๋ากี้เพียง ¼ ถ้วยตวงให้วิตามิน A กับร่างกายมากถึง 340 เปอร์เซ็นต์ ของที่ร่างกายต้องการต่อวัน ดังนั้นควรรับประทานเก๋ากี้ในปริมาณที่พอเหมาะเพื่อลดความเสี่ยงที่ร่างกายได้รับวิตามิน A มากจนเกินไป

คุณประโยชน์ของเก๋ากี้

ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกับ และต้านทานหวัด
ด้วยวิตามิน, แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระจำนวนมากในเก๋ากี้ทำให้ร่างกายมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น และยังช่วยให้ร่างกายแข็งแรงต้านทานการเป็นหวัดได้

จากการทดลองในห้องแลป พบว่า เก๋ากี้ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของวัคซินป้องกันหวัดในหนูทดลองที่มีอายุมาก ซึ่งการทดลองมีความสำคัญในแง่ที่ว่าวัคซีนป้องกันหวัดโดยส่วนใหญ่แล้วไม่สามารถต้านทานอาการหวัดได้เลย จากผลการทดลองสรุปได้ว่า การรับประทานเก๋ากี้เป็นประจำช่วยให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกัน และภูมิต้านทานโรคหวัดได้ดียิ่งขึ้น

มีส่วนช่วยในการลดน้ำหนัก

เก๋ากี้อุดมไปด้วยสารอาหาร และพลังงานที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายแม้จะรับประทานในปริมาณน้อยก็ตาม ทั้งยังมีรสชาติดี, หวานอมเปรี้ยว และมีไฟเบอร์สูง ทำให้รู้สึกอิ่มท้องได้ยาวนาน และยังเป็นอาหารสำหรับไดเอทที่มีรสชาติดีเยี่ยมอีกด้วย การรับประทานเก๋ากี้เพื่อช่วยในการลดน้ำหนักนั้น สามารถทานเป็นขนมขบเคี้ยว หรือเติมโยเกิร์ต หรือสลัด เพื่อเพิ่มรสชาติได้

เก๋ากี้เป็นผลไม้ที่มีแคลลอรี่ต่ำ และระดับน้ำตาลน้อย ทำให้เป็นทางเลือกทดแทนผลไม้อบแห้งที่มีน้ำตาลสูงกว่าหลายเท่าตัว โดยเก๋าประมาณ 28 กรัม ให้พลังงานเพียง 23 แคลลอรี่ เท่านั้น

มีสารต้านอนุมูลอิสระช่วยบำรุงสายตา และผิวพรรณ

จากงานวิจัย พบว่า เก๋ากี้มีสารต้านอนุมูลอนุมูลอิสระที่มีชื่อว่า ซีแซนทิน จำนวนมาก ซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระดังกล่าวช่วยยับยั้งการเสื่อมสภาพของเซลล์จากควันพิษ, ควันบุหรี่ หรือสารก่อมะเร็ง จึงทำให้ผิวพรรณดูอ่อนเยาว์ และจากงานวิจัยอีกชิ้นหนึ่ง พบว่า กลุ่มตัวอย่างผู้สูงอายุที่รับประทานเก๋ากี้เป็นประจำติดต่อกัน 90 วัน มีสีของดวงตาที่แจ่มใสขึ้น, จุดเหลืองที่บริเวณจุดรับภาพตรงกลางของจอประสาทตา เริ่มหายไป

รักษาระดับน้ำตาลในเลือด
เก๋ากี้ มีสรรพคุณที่เกี่ยวข้องกับระดับน้ำตาลในร่างกาย ดังนี้

ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
เพิ่มความนทานต่อน้ำตาล
ลดภาวะดื้อต่ออินสุลิน
บำรุง และเสริมสร้างเซลล์ที่ช่วยในการสร้างอินสุลิน
อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มรับประทานเก๋ากี้โดยเฉพาะผู่ป่วยที่มีระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ

ช่วยเพิ่มฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน
เก๋ากี้ถูกใช้เป็นเพื่อเป็นยาในการเพิ่มสมรรถภาพทางเพศมาอย่างยาวนานตามแพทย์แผนจีน โดยจากการทดลองกับตัวอย่างหนูในห้องแลป พบว่า เก๋ากี้

เพิ่มปริมาณอสุจิ และทำให้อสุจิเคลื่อนไหวได้ดียิ่งขึ่น
เพิ่มระดับเทสโทสเตอโรน
เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ
ลดระยะเวลาการหลั่ง


เก๋ากี้ คือ สุดยอดอาหารใช่หรือไม่?



หลากหลายบริษัทได้ทำการตลาดผลิตภัณฑ์เก๋ากี้ว่าเป็น “superfood” ซึ่งจากงานวิจัยเมื่อเร็วนี้ได้ทำการเปรียบเทียบกลุ่มตัวอย่างสองกลุ่ม โดยกลุ่มหนึ่งดื่มน้ำโกจิเบอร์รี่เป็นระยะเวลา 14 วัน ติดต่อกัน และอีกกลุ่มหนึ่งไม้ได้ดื่ม พบว่า กลุ่มที่ดื่มน้ำเก๋ากี้มีการเพิ่มขึ้นของ

พลังงาน
สมรรถภาพด้านการกีฬา
การนอนที่ดีขึ้น
สมาธิ
มีความสงบมากขึ้น
ร่างกายที่ขึ้นโดยรวม


ทั้งยังมีการกล่าวถึงสรรพคุณที่มีต่อร่างกายเพิ่มเติม ดังนี้



ช่วยยืดอายุขัย
ลดความเสี่ยงจากโรคหัวใจ
ลดความดันโลหิต
ลดอาการปวดข้อ
งานวิจัยชื่อดังของจีนชิ้นหนึ่ง บ่งชี้ว่า เก๋ากี้สามารถรักษาเซลล์มะเร็งได้ โดยเก๋ากี้อุดมไปด้วยสารที่เรียกว่า เบต้า-ซิโตสเตอรอล ช่วยลดขนาดของเซลล์ที่มีการเจริญเติบโตมากจนเกินไป และทำให้เกิดขบวนการตายของเซลล์มะเร็ง