เหรียญพระปิดตามหาโชค หลวงพ่อสำเริง นริสสโร ทองแดง
ข้อมูลสินค้า
ราคา
350.00 บาท
แบรนด์
Adidas(อาดิดาส)
ร้านค้า
เนื้อทองแดง สภาพสวย ตอกโค๊ด รุ่นมหาโชค วัดบ้านตะกวน จ.ศรีษะเกษ
ประวัติโดยย่อ
หลวงพ่อสำเริง นริสสโร มีนามเดิมว่า สำเริง ชาติเชื้อ เกิดเมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๐๒ (ปัจจุบันอายุ ๕๕ ปี) ณ บ้านตะกวน ต.พิงพาย อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีษะเกษ (ปัจจุบัน ต.พิงพาย ขึ้นอยู่กับ อ.ศรีรัตนะ) มีพี่น้องร่วมบิดา-มารดา ทั้งสิ้น ๖ คน เป็นผู้หญิง ๕ คน และผู้ชาย ๑ คน คือตัวหลวงพ่อ โยมบิดาชื่อ นายสง่า ชาติเชื้อ และโยมมารดาชื่อ นางทอง รุ่งเรือง เมื่อตอนเล็ก ๆ หลวงพ่อเป็นเด็กเลี้ยงยาก เพราะชอบป่วยไข้เป็นประจำ และด้วยเหตุที่โยมบิดาของหลวงพ่อมีศักดิ์เป็นหลานแท้ ๆ ของหลวงพ่อมุม วัดปราสาทเยอร์ (ยอดพระเกจิแห่งเมืองศรีสะเกษ) จึงได้นำตัวเด็กชายสำเริงนั่งเกวียนไปหาหลวงพ่อมุม ณ วัดปราสาทเยอร์ เพื่อฝากเด็กชายสำเริงไว้เป็นบุตรบุญธรรมของหลวงพ่อมุม เพื่อเป็นการเอาเคล็ด …….
เมื่อโยมพ่อนำตัวเด็กชายสำเริงมาหาหลวงพ่อมุมและหลวงพ่อมุมได้ทราบถึงจุดประสงค์แล้ว หลวงพ่อมุมจึงได้นำตัวเด็กชายสำเริงไปนั่งในตักพร้อมบริกรรมคาถาเป่ากระหม่อมพร้อมทั้งบ้วนน้ำหมากเข้าปากเด็กชายสำเริงชะรอยที่หลวงพ่อมุมอาจจะรู้กาลอนาคตล่วงหน้าว่าเด็กที่นั่งอยู่ในตักคนนั้น สืบต่อไปในภายภาคหน้าคงจะดำรงตนเป็นพุทธบุตร และเป็นที่พึ่งพิงของชาวบ้านเป็นแน่…….
หลังจากได้รับเด็กชายสำเริงเป็นบุตรบุญธรรมแล้ว หลวงพ่อมุมได้กล่าวว่าเด็กคนนี้คงจะไม่เป็นอะไรอีกแล้วพร้อมกล่าวให้ศีลให้พร และบอกให้โยมพ่อโยมแม่ของเด็กชายสำเริงนำกลับไปเลี้ยงดูให้ดี ซึ่งกาลครั้งนั้นนับเป็นครั้งแรกที่หลวงพ่อสำเริงได้พบเจอกับหลวงพ่อมุม และหลังจากนั้นเด็กชายสำเริงก็กลายเป็นเด็กที่เลี้ยงง่ายและไม่ได้มีอาการไข้หรือเจ็บป่วยอีกเลย ……
ในวัยเด็กหลวงพ่อเป็นเด็กที่ขยันขันแข็ง ร่าเริงแจ่มใส จิตใจดีงาม มีความเมตตาชอบเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เมื่อถึงเกณฑ์เข้าเรียน หลวงพ่อก็ได้เข้าเรียนที่โรงเรียนบ้านตะกวน ซึ่งอยู่ใกล้บ้าน จนจบ ป.๔ ซึ่งถือว่าเป็นเด็กรุ่นแรกสุดของโรงเรียนแห่งนี้ จากนั้นก็ได้ออกมาช่วยบิดา-มารดา ทำไร่ทำสวนตามอาชีพเดิมด้วยความขยันขันแข็ง
ครั้นปี ๒๕๒๐ เมื่ออายุได้ ๑๘ ปี จึงได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดโพธิ์พระองค์ โดยมีพระครูอรรถกิจสุนทร (เสียง) เจ้าอาวาสวัดจันทรารามเป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากนั้นอีก ๒ ปี จึงได้เข้ารับการอุปสมบทที่เดิมคือวัดโพธิ์พระองค์ โดยครั้งนี้มีพระครูรัตนภูมิจารย์ (ฉัตร) วัดศรีแก้ว เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูสังฆรักษ์ประสาท (เว็ด) เจ้าอาวาสวัดโพธิ์พระองค์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการนวล วัดจันทรารามเป็นพระอนุสาวนาจารย์ และในปีนั้นก็ได้จำพรรษาอยู่ที่วัดโพธิ์พระองค์….
ขณะบวชเป็นสามเณรก็เริ่มเรียนวิชาเป่าไล่ผีและวิชาตำรับยาสมุนไพรกับหลวงปู่เว็ด เจ้าอาวาสวัดโพธิ์พระองค์ พร้อมกันนี้ หลวงปู่ชาติ หลวงปู่สาม และหลวงปู่เว็ดได้นำสามเณรสำเริงไปฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อมุม วัดปราสาทเยอร์ ด้วยในฐานะเป็นเหลนและบุตรบุญธรรมของหลวงพ่อมุม จึงได้รับความเมตตาเป็นอย่างยิ่ง ….. ระหว่างที่ได้บรรพชาเป็นสามเณรและอุปสมบทจำพรรษาอยู่ที่วัดโพธิ์พระองค์นั้น หลวงพ่อสำเริงก็ได้ไปปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อมุมอยู่เสมอ และหลวงพ่อมุมได้สอนในเรื่องกัมมัฐฐาน และคาถาอาคมเบื้องต้น พร้อมกำชับเรื่องการรักษาศีลเพื่อรักษาความดีอย่าให้ขาดตกบกพร่อง
ปลายปี ๒๕๒๒ เมื่อออกพรรษาแล้ว หลวงพ่อสำเริงก็ได้เดินทางไปจำพรรษาที่วัดศรีกุญเมือง อ.เรณูนคร จ.นครพนม เพื่อศึกษาทางโลกเพิ่มเติมที่วัดพระธาตุเรณู จนจบ ม.ศ. ๓ หลังจากนั้นหลวงพ่อสำเริงจึงได้เริ่มออกธุดงค์เป็นจริงเป็นจังเพื่อฝึกจิต ศึกษาวิชาอาคมและความรู้ใส่ตัว …..
สำหรับการธุดงค์วัตรและการศึกษาความรู้ทางไสยเวทย์นั้นก็พอจะสรุปได้คร่าว ๆ คือ
ขณะไปจำพรรษาที่ อ.เรณูนคร จ.นครพนม เมื่อว่างจาการเรียนทางโลก ก็ได้ข้ามไปฝั่งลาว เพื่อตั้งใจไปฝากตัวเป็นศิษย์ท่านสำเร็จลุน แต่ด้วยจำกัดเรื่องการเดินทางและระยะเวลาทำให้ไม่สมประสงค์ แต่ก็ได้เรียนต่อวิชากับลูกศิษย์สำเร็จลุนถึง ๒ รูป คือ ท่านแก้ว ซึ่งหลวงพ่อได้เรียนวิชาคาถามหาหงส์ และท่านมหาสวาท ซึ่งหลวงพ่อได้เรียน คาถาขุนแผนชมตลาด
ช่วงปลายปี ๒๕๒๕ หลวงพ่อได้ออกธุดงค์ไปทางภาคเหนือจนถึงวัดท่าสองยาง และได้รับความเมตตาจากครูบาสร้อย ซึ่งท่านได้สอนวิชาสีผึ้งมหาเวทย์ น้ำมันพราย และเสกไม้ไก่กุก
และหลวงพ่อก็ได้ธุดงค์ลงไปทางภาคใต้ จนถึง อ. แว้ง จ.นราธิวาส และขากลับขึ้นมาได้ศึกษาวิชากับพ่อท่านคล้อย วัดถ้ำเขาเงิน ซึ่งได้รับการสอนวิชาเสกสีผึ้ง วิชาเสกน้ำมัน และวิชาเผาไม่ไหม้ และได้รับความเมตตาจากหลวงพ่อยิด วัดหนองจอกสอนวิชาเสกปลัดขิก และได้เดินทางสู่วัดกุฏีดาว จ.เพชรบุรี เข้าสู่กทม. เพื่อจำพรรษา ณ วัดโบสถ์สามเสน เมื่อปี ๒๕๒๖
หลังจากนั้น หลวงพ่อได้เดินทางกลับเข้าสู่บ้านเกิด ณ วัดโพธิ์พระองค์ ซึ่งขณะอยู่ที่นี้ เมื่อออกพรรษาหลวงพ่อได้ธุดงค์ไปฝั่งเขมรบ่อยครั้ง และยังได้ศึกษาเรียนวิชากับหลวงพ่อและพระเกจิแถว ๆ พื้นที่ อาทิเช่น
๑.หลวงปู่เจียม วัดกะมอล ได้เรียนวิชาเมตตาเสน่หา , ยาสมุนไพร , น้ำมันว่าน ๑๐๘ และวิชาอยู่ยงคงกระพัน
๒.หลวงปู่โป๊ะ วัดบ้านบิง ได้เรียนวิชาทำสีผึ้งกายสิทธิ์เมตตามหานิยม ซึ่งเป็นตำรับมรดกตกทอดของพระยาขุขันธ์ , วิชาปลาดุก (ทำตะกรุดใต้น้ำ)
๓. หลวงปู่สาย วัดตะเคียนราม ได้เรียนวิชาคงกระพัน , สักยันต์
๔.หลวงปู่หงษ์ วัดเพชรบุรี ได้เรียนวิชาสีผึ้งมนต์แก้บ้า , แก้เสน่ห์ยาแฝด , แก้คุณไสย
๕.หลวงปู่คีย์ วัดศรีลำยอง ได้เรียนวิชากำหราบไฟ
๖.หลวงปู่เจียม วัดอินทราราม ได้เรียนวิชากัมมัฐฐาน
สำหรับหลวงปู่เจียม วัดกะมอล หลวงพ่อสำเริงสนิทสนมกันมากท่านได้ไปมาหาสู่กันเป็นประจำ หลวงพ่อเล่าว่า ได้พบกับหลวงปู่สรวง ท่านมาเล่นว่าวที่วัดกะมอลนี้แหละ ส่วนครั้งที่สองได้ธุดงค์เจอฝั่งเขมร และได้เคล็ดวิชาในการปลุกเสกพระ
ปี ๒๕๒๙ หลวงพ่อได้เริ่มสร้างวัดบ้านปุ่น ต. ไพร อ.ขุนหาญ จ.ศรีศะเกษ ซึ่งท่านได้อยู่ที่นี้ ๒ ปี หลังจากนั้น ท่านได้กลับไปวัดโพธิ์พระองค์และให้ลูกศิษย์ดูแลวัดบ้านปุ่นต่อไป
ปี ๒๕๔๕ ท่านร่วมกับชาว