“จิตรกรแห่งชีวิตสมัยใหม่” ของชาร์ลส์ โบดแลร์ (Le Peintre de la vie moderne by Charles Baudelaire)
ISBN: 9786168215593
แปลจากหนังสือ : Le Peintre de la vie moderne
ผู้แต่ง : Charles Baudelaire
ผู้แปล : รติพร ชัยปิยะพร
สำนักพิมพ์ : Illuminations Editions (อิลลูมิเนชันส์ เอดิชันส์)
ปีที่พิมพ์ : พิมพ์ครั้งแรก กุมภาพันธ์ 2566
จำนวนหน้า : 240
ชาร์ลส์ โบดแลร์ (Charles Baudelaire) เป็นที่รู้จักกันในฐานะกวีชาวฝรั่งเศสช่วงศตวรรษที่ 19 และได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้บุกเบิก “กวีนิพนธ์สมัยใหม่” ในแวดวงวรรณกรรมตะวันตก โดยเฉพาะงานรวมเล่มกวีนิพนธ์อย่าง Les Fleurs du Mal (ดอกไม้แห่งความชั่ว) และ Le Spleen de Paris (ทุกข์ระทมในปารีส) นอกจากนี้โบดแลร์ยังได้เขียนบทวิจารณ์งานศิลปะไว้อีกมากมาย อาทิ จิตรกรแห่งชีวิตสมัยใหม่ ซึ่งเป็นบทความที่รวบรวมหลักคิดสำคัญต่างๆไว้
.
“ความเป็นสมัยใหม่” ในฐานะแก่นเรื่องของงานศิลปะที่โบดแลร์กล่าวถึง คือการให้ความสำคัญกับรายละเอียดของสิ่งต่างๆ รอบตัวในช่วงเวลานั้นๆไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่งดงามหรือสิ่งที่ประหลาด แม้ปรากฏการณ์นั้นจะวูบไหวชั่วแล่นไม่จีรัง แต่มันก็มีส่วนของแก่นสารที่ดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์ ความพึงพอใจต่อภาพสะท้อนความร่วมสมัยไม่เพียงแต่ชี้ให้เห็นความงามที่ฉาบเคลือบสังคมปัจจุบันอยู่เท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นลักษณะเฉพาะตัวของปัจจุบันอีกด้วย
.
โบดแลร์ถือโอกาสเสนอแนวคิดทางสุนทรียศาสตร์แนวใหม่ นั่นคือ แนวคิดเกี่ยวกับความงาม (le Beau) เขาชี้ว่า ความงามนั้นมีลักษณะทวิลักษณ์ กล่าวคือมีทั้งลักษณะที่เป็นนิรันดร์ คงที่ นิยามยาก กับลักษณะชั่วคราวซึ่งสัมพันธ์กับสถานการณ์และความเป็นไปร่วมสมัย และเปรียบว่าทวิลักษณ์นี้เป็นเสมือน “จิตวิญญาณ” และ “ร่าง” ของศิลปะ ซึ่งจะเชื่อมโยงกับแนวคิดว่าด้วยความเป็นสมัยใหม่
.
ชีวิตสมัยใหม่นั้นเป็นส่วนสำคัญในการสร้างสรรค์ของศิลปิน แต่ศิลปินจะต้องรู้จักเลือกลักษณะที่เขาเห็นว่าเด่น น่าประทับใจมานำเสนอ และรู้จักดึงลักษณะที่เป็นอมตะออกจากภาวะที่ปรากฏเพียงชั่วคราวโดยบังเอิญ ทั้งนี้ เขาเสนอนิยามศัพท์ “modernité” ไว้ว่า “ความเป็นสมัยใหม่ ประกอบด้วยส่วน (เปลือกนอก) ที่คงอยู่ชั่วคราว ผ่านวูบแล้วแวบหายหรือปรากฏเพียงชั่วแล่น ครึ่งหนึ่ง กับส่วน (แก่นสาร) ที่มีสารัตถะซึ่งดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์อีกครึ่งหนึ่ง”
.
ศิลปะต้องเป็นการดัดแปลงธรรมชาติตามจินตนาการของผู้สร้างสรรค์ เพราะธรรมชาตินั้น “ดิบ” และ “เถื่อน” เพราะฉะนั้น ต้องใช้ศิลปะเข้ามาขัดเกลาดัดแปลงให้หมดมลทิน งานศิลปะจึงมิใช่การลอกเลียนธรรมชาติ แต่เกิดจากการจัดสรรเลือกเฟ้นองค์ประกอบจากธรรมชาติมาสร้างใหม่ จัดระบบใหม่ ตามความรู้สึกนึกคิด ความทรงจำ และจินตนาการ ตลอดจนความชำนาญด้านฝีมือของผู้สร้าง
.
ด้วยเหตุนี้ โบดแลร์จึงชื่นชมหญิงที่งามเพราะแต่งอย่างมีศิลปะมากกว่าหญิงที่งามตามธรรมชาติ นอกจากนี้ยังเห็นว่า แฟชั่น (la mode) ซึ่งสร้างสรรค์ขึ้นอย่างชาญฉลาดยังเป็นเสมือนการปรับแปลงธรรมชาติให้งามสูงส่ง เสื้อผ้าที่เป็นแฟชั่นและเครื่องประดับที่รับกันนี้เป็นสิ่งเสริมเสน่ห์ แสดงถึงความพยายามใหม่ๆ ของมนุษย์ที่จะไปสู่ความงามหรือสู่อุดมคติ แต่ทั้งนี้ต้องให้หญิงที่งามเป็นผู้สวมใส่ด้วย