🔰 ชาคาโมมายล์ ❌ ไม่มีใบชาผสม 🌼🌼🌼
🔰 ราคา 1 ซอง ขั้นต่ำ 5ซอง





ชานำเข้าจากประเทศเยอรมัน #คาโมมาย #ชาช่วยในการนอนหลับ #ชาคาโมมายล์



“ชาคาโมมายล์” ชาเพื่อสุขภาพกับประโยชน์ 5 ข้อที่ไม่ควรพลาด!
ขอบคุณภาพประกอบจาก http://hisacne.com/
1.ช่วยในการนอนหลับ
คุณกำลังมีปัญหากับการนอนไม่หลับอยู่หรือเปล่า ไม่ว่าจะเป็นเพราะความเครียดหรือสาเหตุอะไรก็ตาม เพราะชาคาโมมายล์สามารถช่วยกระตุ้นให้คุณนอนหลับง่ายขึ้นได้ โดยจะช่วยผ่อนคลายความเครียด ผ่อนคลายกล้ามเนื้อและเพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย จึงทำให้หลับง่ายและหลับสบายขึ้นนั่นเอง


2.ลดอาการปวดท้องประจำเดือน
ชาคาโมมายล์ลดอาการปวดได้ดีทีเดียว โดยเฉพาะอาการปวดท้องประจำเดือน ใครที่มักจะปวดท้องน้อยอย่างหนักทุกครั้งที่มีประจำเดือน ลองดื่มชาคาร์โมมายล์ดูสิคะ รับรองว่าจะช่วยลดอาการปวดได้อย่างแน่นอน หรือหากดื่มเป็นประจำ ก็จะป้องกันไม่ให้เกิดอาการปวดท้องประจำเดือนอีกด้วยนะ


3.ลดอาการอักเสบ
ชาคาโมมายล์สามารถช่วยลดอาการอักเสบทั้งภายในและภายนอกได้ดี ไม่ว่าจะเป็นการอักเสบกล้ามเนื้อ อาการปวดตามข้อ หรืออักเสบที่แผลภายนอก เพียงแค่ดื่มชาคาโมมายล์เป็นประจำ ก็จะช่วยต้านอาการอักเสบได้ดี นอกจากนี้คาร์โมมายล์ ยังมีฤทธิ์ในการรักษาบาดแผลอีกด้วย

4.ชาคาโมมายล์ป้องกันโรคกระเพาะ
ชาคาโมมายล์มีฤทธิ์ในการเคลือบกระเพาะอาหาร และลดการหลั่งน้ำย่อยที่เป็นกรดในกระเพาะอาหารให้หลั่งออกมาน้อยลง จึงไม่ทำให้เป็นโรคกระเพาะได้ง่าย ซึ่งก็เป็นคุณประโยชน์ของชาคาร์โมมายล์ ที่ดีมากทีเดียว นอกจากนี้ในคนที่เป็นโรคกระเพาะก็สามารถดื่มชาคาโมมายล์เพื่อบรรเทาอาการได้เช่นกัน


5.กระตุ้นภูมิคุ้กัน
หากรู้ตัวว่ามีภูมิคุ้มกันต่ำ หรือมักจะเจ็บป่วยบ่อยๆ สามารถเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับตัวเองได้ไม่ยาก แค่ดื่มชาคาโมมายล์เป็นประจำทุกวันเท่านั้น ซึ่งชาคาโมมายล์จะทำหน้าที่ในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงขึ้น จึงไม่ทำให้เจ็บป่วยได้ง่าย และยังเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ให้ผลลัพธ์ในการฟื้นฟูสุขภาพได้ดีที่สุดอีกด้วย
สรรพคุณของ #บลูเบอร์รี่ #ชาเยอรมัน #ชาเบอรี่ #waldbeere #tee
* ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่รวมไปถึงบลูเบอร์รี่นั้นขึ้นชื่อว่าอุดมไปด้วยวิตามินซีที่ช่วยในเรื่องของการป้องกันโรคหวัด[1]
* และยังมีข้อมูลจากส่วนอื่น ๆ ที่ระบุว่าบลูเบอร์รี่ยังมีประโยชน์ในการช่วยลดการระคายเคืองในระบบทางเดินปัสสาวะ ป้องกันโรคเบาหวาน โรคไทฟอยด์ ระบบหายใจผิดปกติ ช่วยบรรเทาอาการผิดตอในลำไส้ใหญ่ ท้องผูก โรคกระเพาะอาหาร โรคเริม แผลในปาก นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ช่วยทำให้ระบบหมุนเวียนเลือดทำงานดีขึ้น ซึ่งอาจมีส่วนช่วยเสริมสร้างสมรรถภาพทางเพศของผู้ชายสูงวัย และยังช่วยป้องกันเส้นเลือดขอด ลดอาการบวม เสริมสร้างความแข็งให้ผนังหลอดเลือด ช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่อและเส้นเอ็น (ข้อมูลส่วนนี้ยังขาดแหล่งอ้างอิงนะครับ)

ประโยชน์ของบลูเบอร์รี่
1. เบอร์รี่เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิดที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งร่างกายต้องการเพื่อช่วยทำให้เซลล์ในร่างกายสามารถซ่อมแซมตัวเองจากโรคต่าง ๆ ได้ดีขึ้น รวมทั้งการรักษาบาดแผล การป้องกันโรคมะเร็ง ลดการเป็นโรคเลือดออกตามไรฟัน ตลอดจนถึงโรคเก๊าท์หรืออาการปวดตามข้อ[1]
2. บลูเบอร์รี่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ซึ่งมีส่วนช่วยเพิ่มประสิทภาพการทำงานของเซลล์ให้ดียิ่งขึ้น ช่วยลดการอักเสบของหลอดเลือดอันเป็นสาเหตุของโรคหัวใจ โรคทางประสาทและสมอง ช่วยป้องกันการเสื่อมของร่างกายและชะลอความแก่ชรา ฟื้นฟูการสร้างคอลลาเจนที่ผิว ทำให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์ ริ้วรอยดูลบเลือนลง ทำให้ผิวดูอ่อนกว่าวัย และอาจช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้ด้วย (ข้อมูลของ USDA หรือ สถาบันวิจัยโภชนาการทางด้านสรีระศาสตร์ ได้ระบุว่าบลูเบอร์รี่จัดเป็นผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงที่สุด ซึ่งผลจากการทดสอบค่าที่เรียกว่า “ORAC” (Oxygen Radical Absorbance Capacity) ได้แสดงให้เห็นว่าบลูเบอร์รี่สดจะมีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าผลไม้สดและผักชนิดอื่น)[1]
3. ช่วยในเรื่องของระบบประสาทและสมอง ช่วยทำให้เซลล์สมองสามารถซ่อมแซมตัวเองได้ดีขึ้น ทำให้ความสามารถในการจำของเราดีขึ้น ป้องกันโรคอัลไซเมอร์ รักษาเซลล์สมองที่ถูกทำลาย โดยมีรายงานว่า ผศ.โรเบิร์ต คริโคเรียน แห่งศูนย์สุขภาพ มหาวิทยาลัยซินซินเนติในสหรัฐ ได้ทำการทดลองให้ผู้สูงอายุที่เริ่มมีอาการหลง ๆ ลืม ๆ ได้ดื่มน้ำบลูเบอร์รี่คั้นสดวันละ 2 แก้ว เป็นเวลา 3 เดือนติดต่อกัน ผลการทดลองพบว่า ผู้สูงอายุเหล่านั้นมีความทรงจำที่ดีขึ้น จึงเชื่อว่าผลบลูเบอร์รี่ดิบ ๆ จึงน่าจะมีประโยชน์ต่อผู้ป่วยโรคความจำเสื่อมด้วย[1],[2]
4. บลูเบอร์รี่เป็นอาหารเสริมที่ดีสำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจ เพราะช่วยทำให้กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรง[2]
5. บลูเบอร์รี่เป็นผลไม้ที่มีสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ประกอบอยู่ โดยเป็นสารจำพวกฟลาโวนอยด์ที่มีสีแดงอมม่วง สารนี้มีประโยชน์ช่วยทำให้หลอดเลือดแข็งแรง ช่วยทำให้การไหลเวียนของเลือดในระดับที่เล็กมากขึ้น และช่วยในการทำงานของกระบวนการเมตาบอลิซึ่มของเซลล์เรตินา
6. สารแอนโทไซยาโนไซด์ (Anthocyanosides) เป็นสารที่มีคุณสมบัติเทียบได้กับสารไบโอฟลาโวนอยด์ สามารถช่วยทำให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรง ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และสารชนิดนี้ยังเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการทำงานของไต และช่วยรักษาผู้ที่มีเส้นเลือดฝอยเปราะในอวัยวะที่ทำหน้าที่กรองของเสีย
8. ช่วยทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า[1]
9. ช่วยในเรื่องของระบบการย่อยอาหารและทำให้การขับถ่ายของร่างกายทำงาน
10. บลูเบอร์รี่มีสาร Pterostilbene ที่ช่วยรักษาโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และตับ และยังมีกรด Ellagic ที่ทำงานควบคู่กับแอนโทไซยานิน และสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ป้องกันมะเร็ง
11. ในเรื่องของระบบปัสสาวะ แบคทีเรียอีโคไลที่ผนังท่อทางเดินปัสสาวะเป็นสาเหตุของการติดเชื้อที่มีผลทำให้เกิดอาการอักเสบและรู้สึกแสบในขณะปัสสาวะ
12. สำหรับผู้ที่กำลังหาวิธีควบคุมน้ำหนักหรือลดความอ้วนแบบ