💥ซื้อ2แถม1💥19บาท 50เมล็ด นาทรีฟเบอร์รี่ ต้นพร้อมปลูกก็มีจ้า
ซื้อ2แถม1-19บาท-50เมล็ด-นาทรีฟเบอร์รี่-ต้นพร้อมปลูกก็มีจ้า
ข้อมูลสินค้า
ราคา
20.00 บาท
ขายแล้ว
259 ชิ้น
ร้านค้า
" ราสเบอรี่ พันธุ์ นาทริฟ( Raspberry )
...ปลูกง่าย โตวัย ชอบแดด ทนต่อสภาพอากาศร้อนได้ดี ใช้ระยะเวลาในการปลูก 5 - 6 เดือน เริ่มให้ผลผลิต สามารถปลูกและให้ผลผลิตได้ในทุกพื้นที่ของประเทศไทย

สามารถปลูกได้ทั้งในภาชนะและลงแปลงดิน ขึ้นอยู่กับพื้นที่และความต้องการของผู้ปลูก

กรณีปลูกในภาชนะ ควรเลือกใช้กระถางที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่ 15 นิ้วขึ้นไป วัสดุปลูก ได้แก่ ดินร่วน 3 ส่วน ผสมกับกาบมะพร้าวสับละเอียด และขุยมะพร้าว อย่างละ 1 ส่วน หากไม่มีกาบมะพร้าวสับสามารถใช้ดินใบก้ามปูหรือแกลบดิบที่หมักแล้วทดแทนได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงการใช้ดินถุงที่มีส่วนผสมของแกลบดำเพราะราสป์เบอร์รี่ไม่ชอบวัสดุปลูกที่เป็นด่างสูง หากจำเป็นต้องใช้ให้นำแกลบดำมาแช่น้ำทิ้งไว้ก่อน หลังจากปลูกจนมีหน่อขึ้นเต็มกระถาง ควรเปลี่ยนกระถางให้มีขนาดใหญ่ขึ้นหรือขุดหน่อออกไปขยายปลูกใหม่ก็ได้

กรณีปลูกลงแปลงดิน ควรเตรียมแปลงปลูกให้มีความกว้างอย่างน้อย 60 เซนติเมตร ส่วนความยาวแปลงขึ้นอยู่กับพื้นที่ อาจทำเป็นแปลงกั้นคอกแล้วใส่ดินปลูกสูง 25-30 เซนติเมตร เพื่อให้รากชอนไช ดูดซึมธาตุอาหารและแตกหน่อใหม่ได้ดี ทั้งยังให้ผลสมบูรณ์ การปลูกควรใช้ระยะระหว่างต้นและระหว่างแถวอย่างน้อย 30 x 30 เซนติเมตร ปรุงดินและหมักทิ้งไว้อย่างน้อย 7 วันก่อนลงปลูก จากนั้นใช้ฟางข้าวหรือขุยมะพร้าวคลุมแปลงเพื่อช่วยรักษาความชื้นบริเวณหน้าดิน วิธีนี้จะทำให้ต้นแตกกอได้ไว

หลังจากลงปลูก ควรพรางแสงต้นที่อยู่ในบริเวณที่มีแสงแดดจัด กระทั่งต้นเริ่มแตกหน่อใหม่จึงค่อย ๆ เอาซาแรนพรางแสงออกหัวใจสำคัญของการปลูกราสป์เบอร์รี่ให้สำเร็จได้ง่าย ๆ ก็คือ วัสดุปลูกหรือดินปลูกต้องโปร่งร่วนซุย ระบายน้ำได้ดี ไม่ขังแฉะ หากวัสดุปลูกไม่ดีจะทำให้รากฝอยเสียหาย เป็นสาเหตุให้เชื้อโรคเข้าโจมตีจนเกิดโรครากเน่าและต้นเหี่ยวตายได้

การให้น้ำ

ราสป์เบอร์รี่เป็นพืชที่ชอบน้ำ แต่ไม่ชอบแฉะหรือมีน้ำขัง การปลูกทั้งในภาชนะและลงแปลงดินควรรดน้ำวันละครั้งในช่วงเช้า หากอากาศร้อนมากอาจรดน้ำเพิ่มอีกครั้งในช่วงเย็นไม่เกิน 16.00 น. ข้อสังเกตว่าถึงเวลาให้น้ำหรือยังให้ดูจากความชื้นบริเวณหน้าดิน ถ้าดินแห้งค่อยให้น้ำก็ได้

การให้ปุ๋ย

– ช่วงบำรุงต้น ให้ปุ๋ยเคมีสูตร 46-0-0 อัตรา 5 กรัมต่อต้นทุก 10 วัน หรือให้ปุ๋ยอินทรีย์ เช่น ปุ๋ยคอก อัตรา 100 กรัมต่อต้น ทุก 15-30 วัน

– ช่วงบำรุงต้นหลังปลูก 1 เดือน ให้ปุ๋ยเคมีสูตรเสมอ เช่น 15-15-15, 16-16-16 หรือ 20-20-20 โดยละลายน้ำแล้วรดบริเวณโคนต้น อัตรา 5 กรัมต่อต้น ทุก 30 วัน

– ช่วงเริ่มออกดอกติดผลหลังปลูก 3-4 เดือน ให้ปุ๋ยเคมีสูตร 0-0-60 อัตรา 5-10 กรัมต่อต้น และให้ธาตุอาหารรองหรือจุลธาตุฉีดพ่นทางใบทุก 15 วัน

กรณีปลูกลงแปลงสามารถใช้ปุ๋ยคอกที่หมักแล้วก็ได้ เช่น ขี้วัว ขี้ไก่ ขี้ค้างคาว ขี้หมู เป็นต้น โดยอาจใช้วิธีหมักในแปลงก่อนลงปลูก

ทคนิคเพิ่มเติม

– หมั่นตัดแต่งใบที่เหี่ยวแห้ง ใบแก่ และใบที่หนาเกินไปออก เพื่อป้องกันการสะสมเชื้อโรคและแมลงศัตรู โดยตัดแต่งใบด้านล่างสูงขึ้นมาประมาณ 50 เซนติเมตร จะช่วยให้ทรงพุ่มมีการระบายอากาศที่ดี

– ตัดแต่งผลที่ไม่สมบูรณ์ออกบ้าง เหลือไว้เฉพาะผลที่สมบูรณ์เพื่อให้มีขนาดใหญ่และสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ร่วมกับการฉีดพ่นธาตุอาหารรองกลุ่มแคลเซียมโบรอนในช่วงเช้าทุก 10 วัน จะช่วยบำรุงให้ผลมีขนาดใหญ่ สมบูรณ์ตามสายพันธุ์และรสชาติดีด้วย

– ขยายพันธุ์ง่าย ๆ ด้วยการแยกหน่อ หลังจากต้นแม่ให้ผลผลิตแล้วควรตัดทิ้งจนเหลือความสูงเหนือดินปลูก 10-20 เซนติเมตร เพื่อให้หน่อที่แตกใหม่เจริญเติบโตแทนที่ นอกจากนี้สามารถเพิ่มหน่อให้เยอะขึ้นได้ โดยใช้น้ำยาเร่งรากผสมน้ำรดบริเวณโคนต้นเดือนละครั้ง อีกวิธีหนึ่งที่นิยมคือการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ซึ่งช่วยเพิ่มจำนวนต้นอย่างรวดเร็วและสม่ำเสมอ เหมาะสำหรับปลูกเชิงการค้า

โรคและแมลงศัตรูที่สำคัญ

– โรครากเน่าโคนเน่า สาเหตุเกิดจากเชื้อราไฟทอปธอร่า สามารถแพร่ระบาดอย่างกว้างขวางและรวดเร็วในช่วงฤดูฝน โดยเฉพาะในต้นที่ไม่มีการตัดแต่งทรงพุ่ม ดินปลูกมีน้ำขังไม่ระบายน้ำ แก้ไขได้โดยถอนต้นออกไปเผาทิ้งแล้วโรยปูนขาวบริเวณที่เป็นโรค หรือปรับปรุงดินให้โปร่งร่วนซุย ระบายน้ำได้ดีตั้งแต่เริ่มปลูกจะช่วยลดการเกิดโรคได้

– ด้วงกุหลาบ หากปลูกไม่เยอะสามารถจับออกไปทิ้งในช่วงค่ำ หรือป้องกันโดยใช้มุ้งกันแมลงก็ได้

– ไรแดง ดูดกินน้ำเลี้ยงที่ใบจนใบเป็นสีเหลืองมีจุดกระจายทั่ว เมื่อพลิกดูด้านใต้ใบจะพบแมลงตัวเล็ก ๆ สีแดงคล้ายแมงมุม วิธีป้องกันคือ หมั่นตัดแต่งใบด้านล่างทรงพุ่มอย่างน้อยทุก 15 วัน และฉีดพ่นด้วยน้ำหมักสมุนไพรจากสะเดา หางไหล น้ำส้มควันไม้ หรือสารป้องกันกำจัดไรแดงศัตรูพืช

ราสป์เบอร์รี่เป็นพืชที่ปลูกแค่ครั้งเดียวแต่สามารถเก็บผลผลิตได้ตลอดปีโดยไม่ต้องลงปลูกใหม่ เพราะต้นมีหน่อใหม่เกิดขึ้นอยู่เสมอ ยิ่งหมั่นดูแลและบำรุงต้นอย่างดีจะช่วยให้มีอายุเก็บเกี่ยวได้นาน 3-5 ปีทีเดียว นอกจากนี้ยังสามารถปลูกได้ทุกสภาพอากาศ ในช่วงเดือนใดก็ได้ ไม่จำเพาะต้องเป็นฤดูหนาวเท่านั้น (แม้ปลูกในฤดูหนาวจะให้ผลผลิตดีที่สุดก็ตาม) ทั้งยังเก็บผลผลิตต่อเนื่องได้ทั้งปี นับเป็นไม้ผลต่างประเทศที่ปลูกง่ายในเมืองไทยอีกชนิดหนึ่ง
คำที่เกี่ยวข้อง
ซื้อ2แถม1ซื้อ 2 แถม 2ซื้อ1แถม2ซื้อ 1 แถม 1น้ําหอมซื้อ1แถม1พัดลมซื้อ1แถม1ไฟฉายซื้อ 1 แถม 1หมอนซื้อ1แถม1บัตรซื้อ 1 แถม 1เข็มขัดซื้อ1แถม1

สินค้าใกล้เคียง