ปุ๋ยออสโมโคส-พลัส สูตร 12-25-6 (สูตรดอก) แพ็ค 100 กรัม

เป็นปุ๋ยเม็ดชนิดพิเศษ แต่ละเม็ดของปุ๋ยออสโมโค้ทประกอบด้วยธาตุอาหารทุกชนิดครบถ้วนตามที่ระบุบนฉลากเคลือบด้วยสารเรซินธรรมชาติ (Natural organic resin) ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์)เฉพาะของออสโมโค้ท

คุณสมบัติ ทันทีที่ใส่ลงดินหรือเครื่องปลูกต่างๆ น้ำจะค่อยๆ ซึมผ่านชั้นผิวเรซิน ที่ห่อหุ้มเม็ดปุ๋ยออสโมโค้ทอยู่เข้าไปละลายธาตุอาหารภายใน สารเคลือบเรซิน (เปลือก) จะอ่อนตัวลงทำให้เม็ดปุ๋ยขยายขนาดใหญ่ขึ้น หลังจากนั้นธาตุอาหารที่ละลายอยู่ในเม็ดปุ๋ยจะค่อยๆ ซึมผ่านเปลือกออกมาโดยขบวนการออสโมซิส (Osmosis) อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอเป็นเวลานาน 3 เดือน เมื่อหมดธาตุอาหารในเม็ดปุ๋ยแล้ว เปลือกเรซินนจะย่อยสลายเองโดยธรรมชาติ จากคุณสมบัติพิเศษนี้ปุ๋ยออสโมโค้ท จะไม่ละลายทันทีเหมือนปุ๋ยทั่วไป จึงปลอดภัยต่อระบบรากพืช พืชไม่แสดงอาการช็อก และไม่เกิดใบไหม้หลังการใช้ปุ๋ย ดินไม่แข็งและไม่ทำให้ดินเสีย

ประโยชน์
ส่งเสริมการออกดอกของไม้ดอกไม้ประดับทั่วไป
เพิ่มจำนวนช่อดอก ทำให้ดอกมีขนาดใหญ่ และมีสีสดใสงดงาม
ส่งเสริมการเจริญเติบโตของรากพืช

อัตราและวิธีการใช้
รองก้นหลุม เมื่อปลูกในกระถาง
โรยบนผิวดิน ในกระถาง หรือถุงเพาะชำ แล้วใช้ดินกลบเล็กน้อย ทั้ง 2 วิธีนี้ใช้อัตรา
- กระถางขนาด 5 นิ้ว ใช้ 5 กรัม (1 ช้อนชา)
- กระถางขนาด 10นิ้ว ใช้ 10กรัม (2ช้อนชา)
- กระถางขนาด 20นิ้ว ใช้ 20กรัม (4ช้อนชา)

หว่านในแปลงเพาะชำ หรือแปลงไม้ตัดดอก ใช้อัตรา 40-60 กรัม (4-6ช้อนโต๊ะ) ต่อตารางเมตร
ใช้ผสมดินปลูก หรือวัสดุปลูกอื่นๆ เพื่อใช้ปลูกไม้กระถาง ถุงเพาะชำ และใช้จัดสวน (Landscape) ใช้อัตรา 2-3กิโลกรัมต่อวัสดุปลูก 1 ลูกบาศก์เมตร (1 คิว) สำหรับกล้วยไม้ ใช้โรยบนกาบมะพร้าว หรือวัสดุปลูกอื่นๆ บริเวณรากในอัตรา 2-3 กรัม/กอ

คำแนะนำ
ควรอ่านคำแนะนำเอกสารกำกับปุ๋ยเคมีให้เข้าใจเสียก่อน หากไม่เข้าใจ หรือ มีปัญหาสงสัยให้ปรึกษา เจ้าหน้าที่กรมวิชาการเกษตรและกรมส่งเสริมการเกษตรในท้องถิ่น เพื่อให้การใช้ปุ๋ยมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และไม่ควรใช้เกินอัตราที่กำหนดเพราะจะเป็นอันตรายการพืชได้

ข้อควรระวัง
1. ก่อนใส่ปุ๋ยเคมี ควรกำจัดวัชพืชให้หมดเสียก่อน เพื่อป้องกันมิให้วัชพืชมาใช้ปุ๋ยเคมีที่ใส่ลงไป
2. ควรใส่ปุ๋ยเคมีเมื่อดินมีความชื้นอยู่ เมื่อใส่ปุ๋ยเคมีควรกลบดิน ในกรณีที่มีการให้น้ำควรให้น้ำน้อยๆ ก่อน แล้วจึงเพิ่มให้มากขึ้น ถ้าให้ได้ผลดียิ่งขึ้น ความใส่ปุ๋ยเคมีแก่พืชในช่วงมีแสงแดดจัด ฝนไม่ตก
3. ควรหมั่นดูแลป้องกันกำจัดโรคแมลงศัตรูพืชอยู่เสมอ
4. ควรเก็บปุ๋ยเคมีในถาชนะที่ปิดมิดชิด อย่าให้ถูกความร้อน แสงแดด และฝน