พาหุรัดออนไลน์ ภาพสีทองลายศรียันตรา
ขนาด 5x7 นิ้ว
วัสดุเป็นพลาสติกสีทอง
#ศรีจักรา #ศรียันตรา #เมรุ #แบบจำลองจักรวาล #เขาพระสุเมรุ

Cr. Page เทวามฤตกถา
25 พฤศจิกายน เวลา 23:53 น. ·
ศรีจักระ มหาเมรุ และ ศรียันตระ บูชา
ศรีจักระ มหาเมรุ และ ศรียันตระ นั้นถือว่าศักดิ์สิทธิ์มาก ด้วยเป็นตัวแทนของ พรหมาณฑะ (จักรวาล) หรือ ขุนเขาพระสุเมรุอันตั้งอยู่กลางพิภพทั้งสาม โดย ณ จุดกึ่งกลางของขุนเขา(พินทุ)นั้น พระลลิตา มหาตรีปุรสุนทรี หรืออีกนามหนึ่งคือ ศรีราชะ ราเชศวรี, ภุวเนศวรี,กาเมศวรี ทรงประทับอยู่ใน จินตามณีคฤหะ (พระราชรโหฐานอันทำจากแก้วมณีจินดา) และ ตามส่วนต่างๆของขุนเขาเมรุนั้น พระเทวีในรูปและนามต่างๆทรงประจำอยู่ ซึ่งมีปรากฏอยู่ในบท เทวี ขัฑคะมาลา สโตตระ ซึ่งถือเป็นบทต้องห้าม เพราะมีการทำมุทราของตันตระ ซึ่งต้องผ่านการถ่ายทอดโดยคุรุ หรือ ตันตราจารย์ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่เสี่ยงครับ เพราะการทำมุทรา หรือ มนตระของทางตันตระนั้นถือว่า มีฤทธิ์มาก หากกระทำผิดอาจส่งผลร้ายต่อชีวิตได้
ศรีจักระมหาเมรุ และ ศรียันตระนั้น ถือเป็นการจำลอง หรือ ย่อส่วนของขุนเขาพระสุเมรุ โดยศรีจักระเมรุนั้น ถือเป็นการจำลอง หรือ ย่อส่วนแบบ สามมิติ ส่วนศรียันตระ เป็นแบบแผ่นยันตระสองมิติ
ศรีจักระเมรุ หรือ ศรียันตระ สามารถทำการบูชาแทนพระเทวปฏิมา ของ พระเทวีได้
ผู้ที่มีศรีจักระเมรุ หรือ ศรียันตระ ไว้ครอบไม่จำเป็นต้องมีเทวปฏิมา ของ พระเทวีได้ครับ
ผู้ที่มีศรีจักระมหาเมรุ หรือ ศรียันตระ ไว้ครอบครอง ควรกระทำการบูชาทุกวัน ด้วยการสรงสนาน หรือ อภิเษก และ เจิม ศรีคันถัม (ผงจันทน์หอม) พร้อมทั้ง ผงกุมกุมะ หรือ กุงกุมัม ลงบนตำแหน่ง พินทุ (จุดกึ่งกลางซึ่งอยู่บนตริโกณะ •รูปสามเหลี่ยม• ของศรีจักระเมรุ) และ ภูปุระ ทั้งแปดทิศของศรีจักระมหาเมรุ
แล้วถวายเครื่องประดับเช่น กำไล หรือ สร้อยอัญมณีอันมีค่า เช่น พวงมาลัยจากบุผชาตินานาพันธุ์ กำไลข้อมือหลากสี, สร้อยอันร้อยเรียงจากไข่มุก,สร้อยอันร้อยเรียงจากอัญมณีอันมีค่าอย่าง หยก หรือ หินตาแมว หรือ สร้อยตาลิ (มงคลสูตระ อันเป็นสร้อยแสดงถึงการวิวาห์) พร้อมทั้งถวายเหล่าบุผชาติอันมีสีสันงดงาม หรือ มีกลิ่นหอมอันชวนหลงใหล แต่จะขอแนะนำ ปทุมชาติ (บัวหลวงสีชมพู แดง) และ ปุณฑริก (บัวหลวงสีขาว) เป็นพิเศษ ด้วยเป็นบุผชาติอันเป็นมงคล และมีความเชื่อว่า เกสรของปทุมชาติ หรือ ปุณฑริก ถือว่าเป็นที่โปรดปรานของเทวะทั้งหลาย แล้วกระทำปุษปารจนา หรือ กุงกุมารจนา พร้อมสวดท่องพระนามกำกับ อาจจะทำ 16,108 หรือ 100พระนามก็ได้
พร้อมทั้งถวายควันธูป และ แสงจากดวงประทีป อีกทั้งไนเวทยัม (เครื่องบัดพลี เช่นผลไม้หวาน ซึ่งสุกแล้วต่างๆ หรือ ขนมที่ไม่มีเนื้อสัตว์ หรือ ไข่เป็นส่วนประกอบ) และเครื่องบรรณาการ (มักแทนด้วยใบพลูและหมากแห้ง) แล้วกระทำการอารตี ด้วยการจุดไฟจากก้อนการบูร หรือผงการบูร เมื่อพิธีการถวายการปรนนิบัติบูชาเบื้องต้นเสร็จสิ้นลงแล้วจึงสาธยาย หรือ สวดท่องบท ศรีลลิตา สหัสรนามะ สโตตระ / ศรีลลิตา สหัสรนามาวลี ซึ่งมีปรากฏอยู่ใน คัมภีร์พรหมาณฑะ ปุราณะ ซึ่งสามัญชนทั่วไปสามารถสวดสาธยายได้ พร้อมทั้งบทมนตระทั้งหลายของพระเทวี หรือ สวดท่องเพียงบทพระนามสั้นๆ อาจท่องนามใดนามหนึ่ง ท่องไปเรื่อยๆตามใจประสงค์ หรือ อาจกระทำจะปะ (ท่องด้วยลูกประคำ หนึ่งร้อยแปด) ซึ่งจะเท่ากับเราได้ท่องพระนามนั้น หนึ่งร้อยแปดครั้ง โดยท่องเสร็จหนึ่งบทแล้วค่อยเคลื่อนไปอีกลูก มิใช่ท่องๆแล้วเคลื่อนนิ้วไปเรื่อยๆจนครบหนึ่งร้อยแปดลูกนะครับ
ในการบูชาศรีจักระมหาเมรุ ควรมีอะไรรองรับเมรุไว้ เช่น ปฏิมาของเต่า (ซึ่งในเทวปกรณัม เต่านั้นได้รองรับพื้นพิภพและพระสุเมรุไว้) ฐาน หรือ ถาด
ควรกระทำการบูชาทุกวัน ศรีจักระมหาเมรุ หรือ ศรียันตระนั้น หากบูชาดีตามหลัก จะให้คุณเอนกอนันต์ แต่หากบูชามิดี อาจส่งผลร้ายได้
จึงควรบูชาทุกวัน ในยามรุ่งอรุณ และ ยามเย็นก่อน ดวงอาทิตย์จะลับหายจากท้องนภา ในช่วงอรุโณทัย เหล่าสาวกอาจเลือกการบูชาในวันและฤกษ์อันเป็นมงคล เช่น ในวันศุกร์ ,อัษฏมี (8ค่ำ),นวมี (9ค่ำ) และปูรณนิมา (วันเพ็ญ) ซึ่งเป็นวันและดิถีอันเป็นมงคลต่อการบูชาพระเทวี อาจจัดพิธีพิเศษ เช่นการเพิ่มบทสวดภาวนามากขึ้น, การเชิญมิตรทางจิตวิญญานมาร่วมกันถวายการบูชา สวดสาธยายมนตระ และ กระทำจะปะร่วมกัน หรือ เปลี่ยนจากการสรงสนานด้วยน้ำบริสุทธิ์ เป็น การอภิเษกสรงสนานด้วย น้ำพิเศษต่างๆ เช่น ปัญจามฤตะ หรือ น้ำอภิเษกสรงสนานต่างๆแบบที่เราได้เห็นกันในเทวสถาน
แท้จริงแล้ว ศรีจักระเมรุ บูชา ยังมีรายละเอียดมากกว่านี้เยอะ โดยเป็นของทางตานตริกะ (เหล่าก่อ หรือ ผู้สืบเชื้อสายตันตระ) อันมีปรากฏอยู่ในตันตระศาสตร์ แต่ผมข้อเผยแผร่ในแบบฉบับง่ายๆ แบบผู้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ บูชาได้ โดยไม่ผิดต่อตันตระสัมประทายะ(จารีตประเพณี ความเชื่อของตันตระ) ดีกว่าตั้งโชว์บนหิ้ง หรือ หน้าเทวปฏิมา หรือ กระทำการบูชาแบบผิดๆ แบบไม่รู้อะไร
หากกระการบูชาอย่างถูกหลัก เชื่อว่าพระศรีมหาราชญี ศรีราชะ ราเชศวรี ย่อมอำนวยพรอันประเสริฐแน่นอนครับ
เรียบเรียงโดย มุรุเกศัน เทวี อุปาสกะ
(กิตติกร อินทรักษา)