ขั้นตอนที่ 1. ไส้กรองน้ำพีพี ( PP ) PP COTTON FILTER
ไส้กรองPP ทำมาจากเส้นใย Polypropylene ที่มีขนาดเล็ก มันพันจนมีความสามารถในการกรองและขนาดที่ต้องการ มีความละเอียดของรู ที่นิยมสำหรับน้ำดื่ม อยู่ที่ 1-10ไมครอน ที่นิยมมากสุดคือ 5ไมครอน มักจะถูกน้ำมากรองที่ขี้นตอนแรก เพื่อทำการกรอง ผง ฝุ่น สารแขวงลอย สนิมเหล็ก โคลน และสิ่งสกปรกต่างๆที่มากับน้ำ เป็นไส้กรองที่สำคัญมากอีกไส้หนึ่ง เพราะจะทำการกรองเบื้องต้นให้เครื่องกรองน้ำ และลดการอุดตันของไส้กรองลำดับถัดไป ควรเปลี่ยนไส้กรอง PP บ่อยๆ เพราะราคาถูกสุด จะทำให้ไส้กรองอื่นๆอยู่ได้นานขึ้น
: อายุการใช้งาน ประมาณ 4-6 เดือน

ขั้นตอนที่ 2. ไส้กรองน้ำเกร็ดคาร์บอน ( UDF ) GRANULAR CARBON FILTER
ไส้กรองเกร็ดคาร์บอน (GAC) เป็นไส้กรองที่บรรจุคาร์บอนไว้ในกระบอกแต่ไม่ได้อัดแท่ง คุณสมบัติเด่นคือ ทำให้พื้นผิวของคาร์บอนสัมผัสกับน้ำได้มากขึ้น เพราะเกร็ดคาร์บอนจะคลุกเคล้าเข้ากับน้ำ ทำให้ความสามารถของคาร์บอนได้ทำหน้าที่เต็มที่ในการดูดซับคลอรีน สี สารเคมีต่างๆ แต่ความสามารถในการกรองจะสู้คาร์บอนบล็อกไม่ได้ เหมาะกับบ้านที่ต้องการลดปัญหากลิ่นของคลอรีน
-: อายุการใช้งาน ประมาณ 8-10 เดือน

ขั้นตอนที่ 3. ไส้กรองน้ำคาร์บอนอัดแท่ง ( CTO ) COMPOUND FILTER
ไส้กรองคาร์บอนบล็อก CTO (ย่อมาจาก Chlorine Taste & Odor) เป็นการน้ำเอาคาร์บอนมาอัดแท่งแล้วพันด้วยตาข่าย เพื่อเพิ่มความสามารถในการกรองน้ำ โดยคาร์บอนมีคุณสมบัติใสการ ดูด ซับ กลิ่น สี สารเคมี คลอรีน และสิ่งสกปรกต่างๆ โดยคาร์บอนบล็อกจะช่วยทั้งกรอง และทำหน้าที่ของสารคาร์บอนด้วยในตัว คาร์บอนถือว่าเป็นสารกรองที่มีความสำคัญที่สุดในระบบกรองปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นระบบไหน รุ่นไหน ยี่ห้ออะไร ก็จะต้องมีคาร์บอนในส่วนประกอบของเครื่องกรองน้ำทุกชนิด
: อายุการใช้งาน ประมาณ 8-10 เดือน

ขั้นตอนที่ 4. ไส้กรองน้ำยูเอฟ ( UF ) FILTER TRATION MEMBRANE
เป็นไส้กรองที่มีความสามารถกรอง 0.01-0.03ไมครอน ทำมาจากวัสดุสังเคราะห์ (Synthetic Membrane) ชนิด Ultra Filtration Membrane เป็นระบบกรองน้ำที่ดีรองจาก ระบบ nano และ RO สามารถกรองเชื้อแบคทีเรียได้ดี เป็นอีกหนึ่งระบบกรองที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน
: อายุการใช้งาน ประมาณ 18-20 เดือน

ขั้นตอนที่ 5. ไส้กรองน้ำโพสคาร์บอน ( T33 ) POST CARBON FILTER
ไส้กรอง Post Carbon เป็นไส้กรองขั้นสุดท้ายก่อนที่เราจะนำน้ำมาดื่ม ไม่ได้