✨✨กรอบทองภาพภาพสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี เคลือบฟีล์มลามิเนตอย่างดี ขนาดรวมกรอบ20x24นิ้ว
กรอบทองภาพภาพสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์-พระบรมราชเทวี-เคลือบฟีล์มลามิเนตอย่างดี-ขนาดรวมกรอบ20x24นิ้ว
ข้อมูลสินค้า
ราคา
599.00 บาท
ร้านค้า
• กรณีสิ้นพระชนม์ของ “สมเด็จพระนางเรือล่ม” หรือสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวีอัครมเหสี ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพชรรัตน์ พระราชธิดา เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2423 ในแม่น้ำเจ้าพระยา ณ ตำบลบางพูด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โดยเรือพระประเทียบล่มขณะกำลังเสด็จประพาสพระราชวังบางปะอิน ถือเป็นกรณีสิ้นพระชนม์ของพระบรมวงศานุวงศ์ที่ต่างไปจากทุกพระองค์ที่สิ้นพระชนม์จากพระโรคใดพระโรคหนึ่ง แต่สมเด็จพระนางเรือล่มสิ้นพระชนม์จากการจมน้ำจากที่เรือพระประเทียบล่ม สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี เป็นพระราชธิดาของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 และสมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา (เจ้าจอมมารดาเปี่ยม) ทรงพระราชสมภพเมื่อวันเสาร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2403 ได้รับพระราชทานนามจากสมเด็จพระราชบิดาว่า พระองค์เจ้าหญิงสุนันทากุมารีรัตน์ ต่อมาพระองค์ได้เป็นอัครมเหสีในรัชกาลที่ 5 (ไม่ทราบปีที่แน่นอน แต่ต้องก่อนปี พ.ศ. 2421) และได้ประสูติพระราชธิดาองค์แรกคือ สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงกรรณาภรณ์เพชรรัตน์ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2421 ขณะนั้น อาจกล่าวได้ว่า พระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ทรงเป็นที่โปรดปรานเสน่หาในพระราชสวามีเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ความชื่นชมโสมนัสของรัชกาลที่ 5 ได้สิ้นสุดลงเมื่อเกิดอุบัติเหตุอย่างไม่คาดคิดกับเจ้านายทั้ง 2 พระองค์ อีก 2 ปีต่อมา สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพชรรัตน์ พระราชธิดา ก่อนการเสด็จพระราชวังบางปะอินในปี พ.ศ.2423 สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ทรงพระสุบิน (ฝัน) บอกเหตุในคืนก่อนวันสิ้นพระชนม์ว่า“พระองค์พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอได้เสด็จไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง ขณะทรงพระราชดำเนินข้ามสะพาน สมเด็จพระเจ้าลูกเธอบังเอิญพลาดพลัดตกลงไปในน้ำ พระองค์ได้ทรงคว้าพระหัตถ์สมเด็จพระเจ้าลูกเธอไว้ได้ครั้งหนึ่ง แต่แล้วก็ลื่นหลุดพระหัตถ์ไปอีก ทรงตามไขว่คว้าจนพระองค์เองตกลงไปในน้ำด้วย ทรงหวั่นในพระทัยอยู่เหมือนกันว่าพระสุบินนี้จะเป็นลางร้าย แต่สุดท้ายก็ได้ตามเสด็จไปตามพระราชประสงค์” การเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานจากกรุงเทพมหานครไปประทับ ณ พระราชวังบางปะอิน เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2423 บรรณาธิการหนังสือ“สมเด็จพระนางเรือล่ม”ที่เขียนโดย คุณณัฐวุฒิ สุทธิสงคราม ได้อธิบายเหตุการณ์นี้ว่า“เส้นทางเสด็จจะเสด็จทางเรือล่องแม่น้ำเจ้าพระยาไปบางปะอิน โดยการเสด็จครั้งนี้ได้มีการจัดขบวนเรือเสด็จ โดยจัดเรือเก๋งที่ประทับพระมเหสี พระบรมวงศานุวงศ์ และบรรดาพระพี่เลี้ยงที่ตามเสด็จครอบครัวละหนึ่งลำ โดยใช้เรือกลไฟลากจูงนำหน้า ซึ่งขบวนเสด็จนั้นก็จะเสด็จไปพร้อม ๆ กัน แบบเรียงหน้ากระดาน เริ่มด้วยเรือกลไฟราชสีห์ ลากจูงเรือพระประเทียบของสมเด็จพระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี เรือโสรวาลลากจูงเรือพระประเทียบของสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี เรือปานมารุตลากจูงเรือพระประเทียบของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ เรือยอร์ชอยู่ติดชายฝั่ง ลากจูงเรือพระประเทียบของสมเด็จฯ กรมพระยาสุดารัตน์ราชประยูร และถัดมาเป็นเรือพระประเทียบของสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนาฯ ตามลำดับ ขบวนเรือพระประเทียบทั้งหมดออกจากท่าราชวรดิษฐ์มุ่งหน้าสู่พระราชวังบางปะอิน แต่ขณะนั้นเรือพระที่นั่งของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มิได้เสด็จตามไปในทันที เพราะยังติดพระราชกรณียกิจอยู่ในพระบรมหาราชวัง ก่อนจะลงเรือพระที่นั่งโสภณภควดีตามเสด็จไป” เมื่อขบวนเรือพระที่นั่งไปถึงบางตลาด จวนจะเข้าเกร็ดพบเรือราชสีห์นั้น จมื่นทิพเสนากับปลัดวังซ้ายลงมากราบทูลว่า เรือพระที่นั่งสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ซึ่งเรือปานมารุตจูงไปนั้นล่มที่บางพูด เนื่องจากเรือพระประเทียบของสมเด็จพระนางเจ้าฯ ชนกับเรือโสรวาร พระองค์จึงรีบแล่นเรือพระที่นั่งไปที่บางพูด เมื่อพระองค์เสด็จไปถึง พระยามหามนตรีทูลว่า“เรือราชสีห์ซึ่งจูงเรือพระองค์เจ้าสุขุมาลนั้นไปหน้าใกล้ฝั่งตะวันออก เรือโสรวาลซึ่งพระยามหามนตรีไปจูงเรือพระองค์เจ้าเสาวภาตามไปเป็นที่สองแนวเดียวกัน เรือยอร์ชสมเด็จกรมหลวงซึ่งจูงเรือกรมสมเด็จพระสุดารัตน์ราชประยูรไปทางฝั่งตะวันตกตรงแล่นกับเรือราชสีห์ แล้วเรือปานมารุตแล่นสวนขึ้นมาช่องกลางห่างเรือโสรวาล 10 ศอก พอเรือปานมารุตแล่นขึ้นไปใกล้เรือราชสีห์ ก็เบนหัวออก ศีรษะเรือไปโดนเรือโสรวาล น้ำเป็นละลอกปะทะกัน กดศรีษะเรือพระประเทียบจมคว่ำลง” อุบัติเหตุครั้งร้ายแรงนี้เกิดจากความประมาทในการเดินเรือเป็นสาเหตุสำคัญ แต่กระนั้นยังมีอีกสาเหตุหนึ่งคือ ความเคร่งครัดในกฎมณเฑียรบาลที่มีมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา ที่ได้ระบุอย่างชัดเจนว่า ห้ามผู้ใดแตะต้องพระวรกายของพระมเหสี มิฉะนั้นจะถูกประหารทั้งตระกูล กฎมณเฑียรบาลข้อนี้ทำให้เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการช่วยเหลือ จนทำให้สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์สิ้นพระชนม์พร้อมกับพระราชธิดาในที่สุด พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงประสบกับความสูญเสียครั้งสำคัญ เหตุการณ์ครั้งนั้นกลับไม่ได้ผ่านพ้นไปตามกาลเวลา แต่สิ่งที่ตามมายังคงเป็นอนุสรณ์ถึงการพลัดพราก รวมทั้งยังถูกสร้างสีสันผสมผสานกับศรัทธาของราษฎรสมัยหลัง ความผูกพันที่รัชกาลที่ 5 ทรงมีต่อสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์และพระราชธิดาปรากฏนอกเหนือจากการเตรียมงานพระศพอย่างสมพระเกียรติแล้ว ได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างสิ่งของถวายเป็นพระราชกุศลอย่างการหล่อพระพุทธรูปฉลองพระองค์ แต่ที่สำคัญไม่น้อยกว่ากันคือการสร้างถาวรวัตถุเพื่อเป็นเครื่องระลึกถึงหลายแห่งที่ยังคงอยู่มาจนปัจจุบัน อาทิ โรงเรียนสุนันทาลัย อนุเสาวรีย์ที่สวนสราญรมย์ อนุเสาวรีย์ที่พระราชวังบางปะอิน อนุเสาวรีย์ที่น้ำตกพลิ้ว จันทบุรี และพระเจดีย์ที่บางพูด นนทบุรี พระเจดีย์ที่บางพูด นนทบุรี สถานที่เกิดเหตุนับเป็นอีก 1 เรื่องที่น่าสนใจในหมู่ราษฎร โดยเฉพาะ วัดกู้ นนทบุรี ที่มีการกล่าวขานว่า เป็นสถานที่กู้เรือพระศพและเรือพระที่นั่ง
คำที่เกี่ยวข้อง
ภาพรวมกรอบกรอบ 20x24 นิ้วกรอบรูป ขนาด 20x24 นิ้วกรอบทองพระสมเด็จภาพวาดกรอบทองกรอบรูป 20x24 นิ้วกรอบพระสมเด็จทองกรอบทองแท้พระสมเด็จกรอบทองไมครอน พระสมเด็จกรอบพระสมเด็จขนาดใหญ่

สินค้าใกล้เคียง