แนว: แฟนตาซี

เอดิสหญิงสาวผู้มีสัมผัสพิเศษสามารถมองเห็นและพูดคุยกับวิญญาณได้ เพิ่งตกงานเพราะไปพัวพันกับเรื่องวิญญาณอาฆาตในบริษัทเก่า เรื่องราวเริ่มแย่ลงไปอีกขั้นเพราะขณะเธอกำลังเดินทางกลับบ้านในช่วงค่ำ เอดิสพบวิญญาณสาวปริศนาที่ติดตามเธอโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว เอดิสหนีวิญญาณนั่นจนเข้าไปเจอร้านประหลาดที่ผู้ดูแลร้านหนุ่มที่ชื่อ ‘ไครเซ’ ซึ่งเสนอความช่วยเหลือ ทว่าเธอกลับปฏิเสธไปในครั้งแรก แต่เมื่อเอดิสเจอวิญญาณตนเดิมและหนีเข้าไปในร้านอีกครั้งเธอถึงได้รู้ว่าร้านนี้ไม่ใช่ร้านธรรมดาทั่วไป

ร้านบลูวิช (Blue Wish) แห่งนี้...คือร้านที่ทำให้ความปรารถนาของลูกค้าทุกคนให้เป็นจริง

​ไครเซผู้ดูแลร้านมีความสามารถพิเศษที่จะรับรู้ถึงความปรารถนาที่แท้จริงของเอดิส ที่ต้องการรู้ว่าทำไมเธอถึงมีพลังแบบนี้ติดตัว พลังที่ทำให้เธอสูญเสียหลายสิ่งในชีวิตไป ไครเซจึงพยายามทำให้ความปรารถนาของเอดิสเป็นจริงอย่างค่อยเป็นค่อยไป ให้เอดิสเรียนรู้ถึงพลังของตนเองโดยการให้เป็นลูกจ้างของร้านบลูวิช

อย่างที่กล่าวไว้ ร้านบลูวิชเป็นร้านพิเศษ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมองเห็น คนที่จะเข้ามาร้านนี้ได้ต้องมีคุณสมบัติครบตามที่กำหนด และร้านนี้มีกฎเหล็กคือรับงานทุกอย่างที่ลูกค้าซึ่งสามารถเข้าร้านมาได้ต้องการ เช่น ช่วยเหลือวิญญาณ กำจัดสิ่งประหลาดในบ้าน ฯลฯ

เมื่อเอดิสตัดสินใจทำงานที่นี่ ได้เป็นลูกจ้างของร้านบลูวิชไปก็ยิ่งรับรู้ถึงความไม่ธรรมดาของร้านเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นอกจากความพิเศษของร้านแล้ว เธอยังพบว่าพลังของตัวเองก็ทวีความพิเศษมากขึ้นไปอีก และคนที่จะมาสอนการใช้พลังของเธอก็เป็นวิญญาณที่คอยดูแลปกป้องร้านบลูวิชอยู่ ชื่อว่า ‘ดิไวด์’ ซึ่งอาศัยอยู่ในนาฬิกาโบราณที่แขนอยู่บนผนัง

เอดิสทำงานในฐานะผู้ช่วยของไครเซ งานแรกของเธอเป็นงานช่วยเหลือวิญญาณ งานต่อไปเป็นงานเกี่ยวกับการจัดการภูตอารักษ์เขตแดนวิญญาณที่มีเงื่อนงำต้องสืบต่อไปถึงสาเหตุที่แท้จริง และต่อมาไม่นานเอดิสก็ได้ไปรับรู้ถึงโลกอีกโลกหนึ่งซึ่งเป็นโลกแห่งกายละเอียด โลกแห่งวิญญาณ แม่มดแห่งผืนป่า ‘นอร่า’ เป็นผู้พาเธอไปพบเจอกับหนึ่งในอารักษ์ของโลกวิญญาณ ‘เมอซารี่’ ต้นไม้อารักษ์แห่งผืนดินที่มีความสำคัญยิ่ง

งานที่เอดิสได้ทำบ่งบอกว่าโลกวิญญาณมีการเปลี่ยนแปลงไป และการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นเหมือนจะมีผู้บงการอยู่เบื้องหลัง ‘ฮาวอค เหล่าร้านในความมืด’ ซึ่งเป็นร้านที่มีจุดประสงค์ตรงข้ามกับร้านทางฝั่ง‘เบลค’ ของเอดิสและไครเซ เพราะเป็นร้านที่รับทำงานจากคนที่มีด้านมืดทางจิตใจ

ในที่สุดปีศาจที่เกิดพวกร้านในความมืดก็ออกอาละวาด เป้าหมายของพวกมันคือการบั่นทอนกำลังของเมอซารี่อารักษ์แห่งผืนป่า โดยปีศาจที่เป็นศัตรูเหล่านั้นต้องใช้ผู้ชำนาญเกี่ยวกับสัตว์ในการสืบหาและกำจัด จึงต้องใช้ความร่วมมือจากร้านอื่นๆ ที่เป็นพวกเดียวกับร้านของไครเซ ทั้ง ‘อิลเคย์’ มนุษย์กระต่ายสีดำที่ดูแลเซนเตอร์ที่เป็นเหมือนศูนย์บัญชาการใหญ่ ซึ่งเป็นตัวกลางระหว่างร้านต่างๆ ที่เป็นล้วนแล้วเป็นร้านพิเศษทั้งหมด เช่น ร้านอาวุธวิญญาณของ ‘ฟาเมต’ ที่ชื่อเรดแอส (Red Ash) รับงานกำจัดวิญญาณและปีศาจ ร้านสัตว์ปีศาจของ ‘พรีเทีย’ที่ชื่อพิงค์แฟรี่ (Pink Fairy) ที่รับงานทุกอย่างเกี่ยวกับสัตว์

ในที่สุดการต่อสู้ระหว่างร้านฝ่ายแสงสว่างและร้านฝ่ายความมืดก็เริ่มขึ้น จนเมื่อการต่อสู้ครั้งนี้จบลง เอดิสก็ได้รับรู้ว่า ไครเซ ฟาเมต และพรีเทีบต่างเป็นเทวดาตกสวรรค์ พวกเขาทำผิดจึงต้องมาชดใช้บาปโดยการช่วยคน โดยมีผู้คุมเป็นวิญญาณที่ดูแลร้านแต่ละร้านนั่นเอง การรับงานช่วยเหลือคนหนึ่งครั้งจะได้รับสิ่งตอบแทนเป็นการเปลี่ยนแปลงขนปีกให้เป็นสีขาว แล้วแต่งานที่ทำนั้นจะได้รับผลตอบแทนมากหรือน้อยก็แล้วแต่งานไป จนกว่าปีกสีดำของพวกเขาจะลับมาเป็นสีขาวเหมือนเดิมพวกเขาจึงจะได้กลับสู่สวรรค์อีกครั้ง

จนกว่าพวกเขาจะได้กลับสู่ร่างเทวทูตทั้งเจ็ด

เมื่อการต่อสู้เพื่อปกป้องอารักษ์แห่งผืนดินจบลงเอดิสก็เตรียมตัวต่อสู้พร้อมกับเหล่าเทวดาตกสวรรค์เหล่านี้ และการต่อสู้ในครั้งต่อไปก็ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ โดยในการต่อสู้แต่ละครั้งนั้นเป็นการทดสอบจากพระเจ้า หายนะครั้งใหญ่ในแต่ละครั้งเกี่ยวพันกับอิลเคย์ (กระต่ายสีดำซึ่งเดินสองขา) ซึ่งเคยเป็นเทวทูตชั้นสูงสุด ที่ได้รับคำสั่งลับจากพระเจ้าให้ช่วยทดสอบเหล่าเทวทูตตกสวรรค์ทั้งหลาย ว่าเมื่อใดควรจะได้รับการอภัยโทษ โดยการทดสอบทั้งหมดเกี่ยวกับการปกป้องอารักษ์ของโลกวิญญาณทั้งหก อารักษ์แห่งผืนดิน อารักษ์แห่งน้ำ อารักษ์แห่งไฟ อารักษ์แห่งลม อารักษ์แห่งแสงและอารักษ์แห่งความมืด

เมื่อผ่านการต่อสู้ไปได้ระยะหนึ่งเอดิสก็ได้รับรู้ว่าแท้จริงแล้วที่ตัวเองมีพลังพิเศษนั้นเพราะตัวเธอเองเป็น‘ดวงใจแห่งป่า’ ภูตแห่งผืนดินที่กลับชาติมาเกิดเป็นมนุษย์ ตัวเธอเองก็ต้องมาชดใช้ความผิดที่เคยทำไว้ในอดีตเช่นเดียวกับไครเซตามโชคชะตากำหนด

การทดสอบทั้งหมดของพระเจ้าดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ ในขณะที่ไครเซและเอดิสก็อยู่ด้วยกันที่ร้านบลูวิช จนกว่าไครซจะชดใช้โทษจนหมด...