พระมหาวิฆเณศวรนี้คือเครื่องมงคลที่สร้างขึ้นเพื่อเผยแพร่กิตติคุณของมหาเทพผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงเป็นครูของโลกพระองค์หนึ่ง ทั้งยังเป็นนิมิตรหมายให้รำลึกถึงครู ท่านอื่นๆ ที่ได้มีพระคุณในการสั่งสอนศิลปะวิทยา โดยที่พระมหาวิฆเณศวรท่านเป็นสัญลักษณ์ของปัญญาญาณ และการข้ามพ้นอุปสรรค สิ่งเลวร้ายทั้งมวล ทั้งพระองค์ยังถูกยกย่องให้เป็น ปฐมบูชา ต่อการบวงสรวงบูชาเทพเจ้าทั้งปวงจึงเป็นการเหมาะสมอย่างยิ่งในช่วงระยะเวลานี้ที่จะอาศัยบารมีของพระองค์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่จะขจัดปัดเป่า อุปสรรค อุปัทวันอันตรายทั้งปวงที่จะบังเกิดขึ้นในปัจจุบันและอนาคตพ่ายแพ้ไป ให้ผู้ที่เคารพบูชาต่อคุณธรรมความดีงามทั้งปวงอันอาจแทนด้วยสัญญลักษณ์ของเทพเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์ได้มีไว้สักการะเป็นนิมิตหมายให้รำลึก เป็นเสมือนเครื่องช่วยพยุงในคราวที่อาจพบความมืดมน หรือฟันผ่าอันตราย ให้สามารถมีกำลังใจที่จะเอาชนะเเละผ่านพ้นไปได้ในที่สุด พระมหาวิฆเณศวรพิมพ์นี้มีนัยความหมายที่ลึกซึ้งอันแสดงถึงเทวานุภาพที่พระองค์โปรดประทานให้แก่มวลมนุษย์ในการข้ามพ้นภัยพิบัติต่างๆที่อาจจะต้องประสบพบในอนาคตทั้งส่วนที่มาจากธรรมชาติและวิบัติที่มวลมนุษย์สร้างแก่กัน นัยหนึ่งของรูปเคารพอันเป็นเสมือนสื่อความศักดิ์สิทธิ์จากมิติที่เป็นทิพยภาวะสู่ผู้ศรัทธาที่สามารถเข้าถึงเทวะอำนาจ ทางคณาจารย์แห่งอุณมิลิตจึงสร้างรูปมงคลแห่งพระมหาวิฆเณศวรขึ้นเพื่อแจกจ่ายแก่บุคคลทั่วไป(เนื้อเศวตพัตร์สีขาว) โดยไม่คิดมูลค่าด้วยประการใด ที่สำนักงานนิตยสารอุณมิลิต (ตั้งแต่ ๑๖ มิ.ย. ๒๕๔๘) เป็นต้นไป ทั้งนี้เพื่อให้ศรัทธาเกิดขึ้นอย่างตั้งมั่นจึงขอแสดง อรรถเเห่งวิชาที่ใช้ประจุรูปมงคลที่สืบทอดมายาวนานนับพันปีมนุษย์ จากมนุษย์รุ่นหนึ่งสู่มนุษย์รุ่นต่อๆมาจนปัจจุบันที่รักษาอรรถแห่งความศักดิ์สิทธิ์โดยครบถ้วนมิได้ลดหย่อนไปกว่าอดีตกาลเป็นจารีตสำคัญต่อการรักษามรดกทางวิทยปัญญาที่ล้ำค่านี้เพื่อประโยชน์ของผู้ที่รับไปหน่วงเหนี่ยวเอาความศักดิ์สิทธิ์ที่ประจุไว้มาคุ้มครองกาย ใจอย่างได้ผลดังพระเวทกล่าวว่า "ศรัทธา นำมาซึ่งความสำเร็จ" มวลสารที่นำมาจัดสร้างพระมหาวิฆเนศวรนั้นได้จากหลายแห่ง ซึ่งตรวจสอบตามหลักวิชาโยคะศาสตร์แล้ว ในการผสมมวลสารให้สามารถรับการประจุทิพย์อำนาจได้มากที่สุดโดยเฉพาะบารมีญาณแห่งองค์พระวิฆเนศวร มวลสารที่สำคัญที่จะแนะนำประการแรกก็คือ "ผงเทพนิมิตร" ที่เป็นวิชาการเฉพาะของพระเวทในสายเทพนิกาย สืบทอดจากชมพูทวีปผ่านเข้าพม่าจากทางทิเบต และแพร่หลายในสุวรรณภูมิซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนามว่า "วิชาพรหมศาสตร์" ซึ่งผู้เรียนต้องถือศีลพรต เมื่อบำเพ็ญจนมีตบะระดับหนึ่งก็สามารถเชิญญาณเทพให้ปรากฎเป็นรูปธรรม โดยเกิดอักขระอย่างกูโบ๊สหรือกูต๊าบบนผงหอมเครื่องมงคลที่เตรียมไว้บูชาได้ ทั้งนี้โดยไม้ต้องถูกต้องผงนั้นโดยตรงแต่อย่างใด จึงนิยามเรียกผงหอมบูชาที่ผ่านพิธีกรรมนี้ว่า "ผงเทพนิมิตร" มีอิทธิคุณเสมอญาณองค์เทพนั้นโดยตรง ซึ่งเมื่อก่อนจะใช้ในพิธีจุณเจิม เพื่อประสิทธิความศักดิ์สิทธิ์ลงบนเทวะรูปที่สร้างขึ้นเรียกว่า "อุณมิลิตวิธี" หากนำมาประดิษฐานในแง่วัตถุมงคลแม้ธุลีหนึ่งก็ถือว่าเป็นเชื้อศักดิ์สิทธิ์เสมอจากเชื้อพระสายโลหิตของเทวะพระองค์นั้นโดยตรง วัตถุมงคลที่ได้จะมีเทวะฤทธิ์ระดับสูงซึ่งทรงความเป็นสากล ความศักดิ์สิทธิ์นั้นอุปมาดั่งเทวะพระองค์นั้นทรงเสด็จมาประจุความศักดิ์สิทธิ์แก่มงคลวัตถุนั้นด้วยพระองค์เองมิใช่การผ่านร่างหรือประทับทรงที่อาจเป็นแค่ปรากฎการณ์ของการสะกดจิตตนเองแต่อย่างใด คุณลักษณะพิเศษของผงชนิดนี้เปรียบเสมือนมีชีวิตที่สามารถทวีจำนวนเองได้เป็นอัศจรรย์ ผู้ที่ได้รับมงคลวัตถุชุดนี้ก็สามารถเห็นผงวิเศษนี้ผุดขึ้นตามองค์พระเป็นอัศจรรย์ได้คือเทพนิมิตรที่ปรากฎให้รู้ในการยอมรับการบูชาของเทวะพระองค์นั้น การนำผงเทพนิมิตรนี้ มาจัดสร้างพระมหาวิฆเนศวรก็นับเป็นโชคอย่างประเสริฐของผู้รับ ที่จะได้เครื่องมงคลสักการะเป็นสื่อสายแห่งเทวะฤทธิ์ให้ได้รับพระกรุณาโดยตรงจากมหาเทวะที่อาจขจัดปัดเป่าภยันอันตราย และอุปสรรคทั้งปวงแก่ศรัทธาชนที่สักการะพระองค์อย่างจริงใจได้โดยมิพักต้องสงสัยเลย

ขอขอบคุณข้อมูล อุณมิลิต