ประวัติย่นย่อของกาลเวลา
ไม่ว่าคุณจะเคยอ่านหรือไม่เคยอ่าน ประวัติย่อของ “กาลเวลา” (A Brief History of time) หนังสือแนววิทยาศาสตร์ที่ขายดี การันตีด้วยยอดขายหลายสิบล้านเล่ม และได้รับการแปลมากกว่า 35 ภาษาทั่วโลกผลงานในตำนานของ สตีเฟน ฮอว์กิ้ง อัจฉริยะผู้ไขควาลับแห่งจักรวาลมาหรือไม่ก็ตาม นั่นไม่อาจเป็นเหตุผลที่จะมองข้ามหรือละเลยหนังสือเล่มนี้ได้
ประวัติย่นย่อของ “กาลเวลา” A Briefer History of Time หนังสือแนววิทยาศาสตร์สำหรับเด็กหลายเล่ม ปรับปรุง ประวัติย่อของ “กาลเวลา” ขึ้นมาใหม่ให้มีเนื้อหาสั้นกระชับ โดยผู้เขียนทั้งสองได้ตัดทอนเนื้อหาในส่วนที่เกี่ยวข้องกับแง่มุมและรายละเอียดทางเทคนิตที่มีความซับซ้อนออกไป หากแต่ขยายและอธิบายเนื้อหาในส่วนที่เกี่ยวข้องกันเข้าไว้ด้วยกันเพื่อให้มีความต่อเนื่อง เข้าใจได้ง่าย รวมถึงปรับปรุงภาพประกอบใหม่พร้อมทั้งเพิ่มข้อมูลใหม่จากการสังเกตการณ์และความก้าวหน้าทางทฤษฎี
ผลงานเล่มนี้จึงถือเป็นการปรับปรุงสานต่อเรื่องราวของการไขปริศนาพิศวงที่แก่นของเวลาและอวกาศของนักวิทยาศาสตร์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันที่เน้นอ่านง่าย ยิ่งได้นักแปลระดับเบสต์เซลเลอร์แถวหน้าของเมืองไทยอย่าง รอฮีม ปรามาท มาบรรจงแปลเนื้อให้ด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้หนังสือเล่มนี้จัดจัดอยู่ในลิสหนังสือดีที่ต้องอ่าน! อย่างไม่ต้องส่งสัย
ประวัติย่นย่อของ “กาลเวลา” ก็คือ ประวัติย่อของ “กาลเวลา” ฉบับปรับปรุงใหม่ในโอกาสครบรอบ 17 ปีของการพิมพ์ครั้งแรก และเพื่อเป็นการตอบสนองต่อกระแสเรียกร้องให้ปรับปรุงหนังสือให้อ่านง่ายขึ้น และทำความเข้าใจได้ชัดเจนมากขึ้น แม้เนื้อหาโดยรวมจะสั้นลงแต่ถึงกระนั้นผู้เขียนก็ได้ขยายความเนื้อหาเดิมที่เป็นเพื่อให้เห็นภาพและชัดเจนยิ่งขึ้น

ประวัติย่อของกาลเวลา
ประวัติย่อของ “กาลเวลา” หนังสือแนว POPULAR-SCIENCE ที่ทำให้โลกได้รู้จัก “สตีเฟน ฮอว์กิ้ง” นักฟิสิกส์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของโลก เขาเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นในปี 2531 อธิบายความเป็นมาและกำเนิดของเอกภพจักรวาลวิทยา หลุมดำ รูหนอน การเดินทางข้ามมิติ และอื่นๆ อีกมากมายที่ชวนให้ติดตามค้นหา ผ่านภาษาที่แม้จะไม่ได้ร่ำเรียนมาทางด้านวิทยาศาสตร์ก็สามารถเข้าใจได้ นั่นส่งให้หนังสือเล่มนี้ประสบความสำเร็จอย่างมาก

จักรวาลในเปลือกนัท
จักรวาลในเปลือกนัท : The Universe in a Nutshell คือหนังสือสำคัญที่สุดของศตวรรษที่ 21 โดย สตีเฟน ฮอว์คิง นักวิทยาศาสตร์ นักเขียน ผู้ได้รับการยกย่องเป็น "Master Of The Universe" จากนิตยสาร Newsweek และ "ทายาทของไอน์สไตน์" โดยวงการวิทยาศาสตร์โลก