[พร้อมส่ง] หนังสือ ฟ้าเดียวกัน รัฐสมบูรณาญาสิทธิราช สร้างกระฎุมพีราชการ หรือ ข้าราชการศักดินา ผู้เขียน: ฟ้าเดียวกัน
พร้อมส่ง-หนังสือ-ฟ้าเดียวกัน-รัฐสมบูรณาญาสิทธิราช-สร้างกระฎุมพีราชการ-หรือ-ข้าราชการศักดินา-ผู้เขียน-ฟ้าเดียวกัน
ข้อมูลสินค้า
ราคา
250.00 200.00 บาท
ขายแล้ว
1 ชิ้น
ร้านค้า
รายละเอียด : ฟ้าเดียวกัน รัฐสมบูรณาญาสิทธิราช สร้างกระฎุมพีราชการ หรือ ข้าราชการศักดินา
ฟ้าเดียวกัน รัฐสมบูรณาญาสิทธิราช สร้างกระฎุมพีราชการ หรือ ข้าราชการศักดินา

ทวิวิกฤต

อวสานระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์สยามในปี?2475 มีสาเหตุมาจากการบรรจบกันของสองวิกฤตคือ วิกฤตความชอบธรรมและวิกฤตประสิทธิภาพ เดิมการปกครองของสยามแต่โบราณนั้นถือเอา “ชาติวุฒิ” เป็นสำคัญ ใครเกิดชนชั้นไหนและเป็นพวกกับใครก็จะได้รับคุณเมื่อฝ่ายนั้นๆ ได้รับชัยชนะ และได้รับโทษหากพ่ายแพ้ในเกมชิงอำนาจ

แต่การสร้างรัฐสมบูรณาญาสิทธิราชย์จำเป็นต้องมีกลไกข้าราชการขนาดใหญ่ ทำให้การอาศัยชาติวุฒิเป็นไปไม่ได้อีกต่อไปทั้งในแง่ของขนาดและประสิทธิภาพ พระมหากษัตริย์จึงจำต้องสร้างชนชั้นใหม่ขึ้นมา นั่นคือบรรดาข้าราชการสามัญชนที่ผ่านการศึกษาของรัฐทั้งในประเทศและต่างประเทศ หรือที่กุลลดา เกษบุญชู มี้ด เรียกว่า “กระฎุมพีราชการ” (ดู ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ : วิวัฒนาการรัฐไทย,?2562) คนเหล่านี้เติบโตขึ้นพร้อมกับข้อเรียกร้องและสำนึกใหม่คือการให้ความสำคัญกับ “คุณวุฒิ” หรือความสามารถ มากกว่า “ชาติวุฒิ” หรือชาติกำเนิด พร้อมๆ กับการเปิดรับต่อรูปแบบการปกครองใหม่ๆ โดยเฉพาะในต้นศตวรรษที่?20 ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองทั่วโลก

ชนชั้นใหม่นี้ได้สร้างความตึงเครียดให้กับระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นอย่างมาก เพราะไม่รู้ว่าพวกเขาจะภักดีกับใคร ภักดีกับพระมหากษัตริย์ในฐานะประมุขของระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ หรือหัวหน้าในระบบราชการที่ให้คุณให้โทษโดยตรง นี่คือวิกฤตความชอบธรรมที่ก่อตัวขึ้นมา ในอีกด้านหนึ่ง การเข้าสู่ระบบทุนนิยมโลกของรัฐสยามด้วยการผลิตข้าวและสินค้าเกษตรป้อนตลาดโลก เมื่อเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจโลกตกต่ำในปี?2472 (The Great Depression?1929) ที่ราคาข้าวตกต่ำอย่างรุนแรง ส่งผลต่อรายรับที่ลดฮวบลงของรัฐบาล วิธีแก้ปัญหาอย่างหนึ่งของรัฐบาลคือการดุลราชการ หรือปลดข้าราชการออก ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับข้าราชการจำนวนมาก ยังไม่ต้องพูดถึงราษฎรที่เริ่มมีปากเสียงมากขึ้นผ่านสื่อกลางคือหนังสือพิมพ์ โดยที่ชนชั้นนำไม่ได้รับผลกระทบมากนัก นี่คือวิกฤตประสิทธิภาพ

เมื่อวิกฤตความชอบธรรมและวิกฤตประสิทธิภาพมาบรรจบกัน จึงก่อให้เกิดการปฏิวัติสยาม?2475 ที่ถือเป็นอวสานสมบูรณาญาสิทธิราชย์

รัฐบาลชุดต่างๆ หลังการปฏิวัติ?2475 ต้องบริหารทั้งความชอบธรรมและประสิทธิภาพไปพร้อมกัน หากเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งก็ไม่มีปัญหาเรื่องความชอบธรรม ขณะที่รัฐบาลจากการรัฐประหาร เช่น รัฐบาลเผด็จการทหารของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ที่เลือกวิธีฟื้นฟูสถาบันกษัตริย์เพื่อให้ตนเองได้เป็น “รัฐบาลในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” ซึ่งสร้างความชอบธรรมในการดำรงอยู่ พร้อมกับนโยบายพัฒนาที่มาจากการหนุนเสริมของสหรัฐอเมริกา ทำให้รัฐบาลสฤษดิ์ไม่มีปัญหาในเรื่องเสถียรภาพ

ในทางกลับกัน เมื่อมาถึงรัฐบาลสืบทอดอำนาจจอมพลถนอม กิตติขจร ความชอบธรรมของรัฐบาลเริ่มสั่นคลอนเนื่องจากครองอำนาจมาอย่างยาวนานนับ?10 ปี และมีความพยายามส่งต่ออำนาจผ่านเครือญาติ ขณะเดียวกันประสิทธิภาพของรัฐบาลก็ลดลง ดังกรณีวิกฤตน้ำมันในช่วงต้นปี?2516 ประเทศเข้าสู่ภาวะข้าวยากหมากแพง ผลของวิกฤตความชอบธรรมและวิกฤตประสิทธิภาพ จึงนำไปสู่เหตุการณ์?14 ตุลา?2516

นอกจากนี้ รัฐบาลที่มีปัญหาเรื่องความชอบธรรม เช่น รัฐบาลเปรม ติณสูลานนท์ ก็ใช้วิธีไกล่เกลี่ยอำนาจกับพรรคการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง พร้อมๆ กับการส่งเสริมสถาบันกษัตริย์เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับตนเอง จนอยู่ได้นานถึง?8 ปี?5 เดือน ก่อนต้องก้าวลงจากอำนาจเมื่อเสียงขับไล่ดังขึ้น

ขณะที่ในด้านกลับกัน เราได้เห็นการล้มลงของรัฐบาลทักษิณ ที่แม้จะมีความชอบธรรมจากการเลือกตั้ง และมีประสิทธิภาพในการส่งมอบนโยบายให้กับผู้เลือกตั้ง แต่เมื่อชนชั้นนำรู้สึกว่าความนิยมในตัวทักษิณคุกคามสถานะตนเองจึงร่วมกันทำลายความชอบธรรมของทักษิณ โดยสร้างให้เป็นคู่ตรงข้ามกับสถาบันกษัตริย์ด้วยข้อหา “ล้มเจ้า” จนประสบผลสำเร็จในการรัฐประหาร?19 กันยา?2549 แต่รัฐประหาร?2549 ล้มเหลวเพราะไม่สามารถทำลายความนิยมต่อ “ฝ่ายทักษิณ” ได้ ดังจะเห็นได้จากผลการเลือกตั้งปี?2550 ที่ “ฝ่ายทักษิณ” กลับมาชนะอีกครั้ง รวมทั้งปี?2554 ด้วย

ดังนั้น รัฐประหาร?2557 จึงเพิ่มดีกรีการใช้ความรุนแรงกับฝ่ายต่อต้าน ตลอดจนใช้กลไกองค์กรอิสระและสถาบันตุลาการมาช่วยพยุงรัฐบาลทหารจนอยู่ได้นานถึง?5 ปี และมีความพยายามสืบทอดอำนาจผ่านการร่างรัฐธรรมนูญ?2560 ที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ก่อนจะจัดให้มีการเลือกตั้งในปี?2562

ในการเลือกตั้ง?24 มีนาคม?2562 จากผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง?38,268,375?คน คะแนนของฝ่ายที่ประกาศไม่เอาประยุทธ์สืบทอดอำนาจมีมากถึง?24,165,525?เสียง หรือคิดเป็น?63.14 % (พรรคเพื่อไทย?7,920,630?เสียง พรรคอนาคตใหม่?6,265,950?เสียง พรรคเสรีรวมไทย?826,530?เสียง พรรคเศรษฐกิจใหม่?485,664 เสียง พรรคประชาชาติ?485,436?เสียง พรรคเพื่อชาติ?419,393?เสียง พรรคพลังปวงชนไทย?81,733?เสียง พรรคประชาธิปัตย์?3,947,726?เสียง พรรคภูมิใจไทย?3,732,883?เสียง)

แต่อย่างที่ทราบกันดี กลไกที่คณะรัฐประหารได้วางเอาไว้ผ่านรัฐธรรมนูญ?2560 ที่มีรากความคิดมาจากรัฐธรรมนูญ?2521 ซึ่งเป็นฐานค้ำยันอำนาจของเปรม โดยมีวุฒิสมาชิก?250?คน ที่คณะรัฐประหารตั้งมากับมือไว้โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี แล้วหนุนเสริมด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้งที่พร้อมจะตีความเพื่อเป็นคุณกับคณะรัฐประหาร ดังจะเห็นได้จากการคำนวณแบบพิสดารปัดเศษให้พรรคเล็ก ตลอดจนการกลืนน้ำลายของพรรคประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยที่กลับลำหันไปสนับสนุนการสืบทอดอำนาจ ทำให้ในที่สุดก็เกิดรัฐบาลประยุทธ์?2?ขึ้นจนได้ ทั้งๆ ที่เสียงข้างมากของประชาชนที่ไม่เอาการสืบทอดอำนาจของประยุทธ์ปรากฏชัดจากผลของการเลือกตั้งแล้ว นี่คือวิกฤตความชอบธรรมที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้น

หลังจากนั้น กรณีโรคระบาดจากไวรัสโควิด-19 ที่เป็นวิกฤตระดับโลก (เทียบได้กับวิกฤตเศรษฐกิจโลกตกต่ำในปี?2472) เราได้เห็นการรับมือกับปัญหาของรัฐบาลประยุทธ์?2 ที่เต็มไปด้วยความผิดพลาด
คำที่เกี่ยวข้อง
หนังสือฟ้าเดียวกันฟ้าเดียวกันฟ้าเดียวกัน ตุลาการวารสารฟ้าเดียวกันฟ้าเดียวกันมือสองฟ้าเดียวกัน ข้อมูลใหม่หนังสือซอยเดียวกันซอยเดียวกันจัดส่งภายในวันเดียวกัน ปากกาจัดส่งภายในวันเดียวกัน ปากกา pencil

สินค้าใกล้เคียง