สมัคร สุนทรเวช ออกรายการ "คุยได้คุยดี" กับ วีระ ธีรภัทร ทางคลื่นวิทยุ FM 96.5 ถึงการแก้ไขปัญหาวิกฤตทางการเมือง
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 4 กันยายน 2551

ตัวอย่างใน CD
- คิดหรือไม่จะเจอเหตุการณ์อย่างนี้ ?
ผมไม่ได้คิดจะเป็นนายกฯ แต่ความจำเป็นบังคับ ไม่คิดว่าจะเจอแบบนี้ ไม่คิดว่าสิ่งที่เกิดเหตุจะมาได้มาก ไกล และรุนแรงขนาดนี้ เหตุหลักเกิดจากความชิงชังนายกฯคนเก่า ซึ่งมีความพยายามโยงมาถึงผม แต่ทำอะไรไม่ได้ คนที่คัดค้านมีสิทธิแสดงความเห็นได้นอกสภา แต่สิ่งที่ทำมันเกินกว่าเหตุ ไม่มีขอบเขต ทั้งๆ ที่ผมมาด้วยความถูกต้อง และยืนยันมาตลอด แต่คนไม่ถูกต้องมาจัดการไล่

- การแก้ไขสถานการณ์วันนี้มีเสียงเรียกร้องให้นายกฯยุบสภาหรือลาออก
เรียกร้องมาแล้วยุติหรือไม่ (ย้อนถามกลับเสียงแข็ง) ทำไมต้องทำตามเสียงเรียกร้อง

- ทำไมถึงตัดสินใจเรื่องนี้ยาก
ถ้าจะตัดสินใจมันไม่ยาก แต่การตัดสินใจอยู่ยากกว่า แต่ต้องตัดสินใจอยู่ เวลานี้มี 96 ประเทศ ที่มีกงสุลในไทยเขาเฝ้าดูอยู่ว่าเราจะไปอย่างไร ผมคุยกับแม่ทัพนายกอง เขาบอกว่าปฏิวัติอีกก็รับไม่ได้ ประชาชนปฏิวัติเขาก็รับไม่ได้ เรื่องยุบสภาผมไม่มีปัญหา ที่สำคัญจะมีคนมาสั่งให้ยุบสภาไม่ได้ ถ้ามีสภาใหม่แล้วยังมีการเรียกร้องอีก จะต้องยุบกันอีกใช่หรือไม่ และการเรียกร้องให้ลาออกนั้น อยากถามว่ามีเหตุผลอะไร เพราะเชื่อว่าลาออกคนพวกนี้ก็ไม่ออกจากทำเนียบ เขาจะต้องเดินต่อไปที่ 70-30 ส่วนที่เกรงกันว่าหากผมไม่ยุบสภา ลาออก และไม่มีการรัฐประหาร จะทำให้สถานการณ์ยืดเยื้อนั้น เวลานี้เริ่มทำให้มันหย่อน โดยการพูดกับประชาชนทั้งประเทศ
ผมมีหน้าที่ต้องดูแลบ้านเมืองนี้ ขอถามว่าถ้าผมเป็นกัปตันขับเรือได้ แต่มีลูกเรือคนหนึ่งไม่เอากัปตัน บอกให้ลงไปได้ไหม คนทั้งเรือก็ตกใจ แต่ผมไม่กลัวคนที่มาข่มขู่ มาตรการที่ผมตั้งไว้ ผมตายไปแล้วอีกกี่ 10 กี่ 100 ปี คนก็จะต้องพูดถึง เมืองไทยใครคนใดคนหนึ่งจะลุกมาข่มขู่มาตรการที่เป็นทางราชการไม่ได้ ผมทำเพื่อบ้านเมือง โดยส่วนตัวไม่มีอะไรแล้ว ไม่มีผลประโยชน์ได้เสียอะไรเลย ผมต้องอยู่เพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตยไว้คู่เมืองไทย

- แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้บ้านเมืองและประชาชนเดือดร้อน
เวลานี้คนที่ชุมนุมข้างในอยากออก แต่กลุ่มพันธมิตรกันไว้ไม่ให้ออก อย่างนี้มันเกินกว่าเหตุ แม้แต่เจ้าหน้าที่ทำเนียบก็ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะเอกสารบัญชีเงินเดือนต่างๆ สะดุดหมด ต้องเข้าไปขอ มาตรการของเราที่อยากทำคือ ออกได้แต่ไม่ให้เข้า เวลานี้คนที่อยู่ในทำเนียบละเมิดกฎหมาย

- ถ้ากลุ่มพันธมิตรไม่ออกจากทำเนียบ การบังคับใช้กฎหมายจะทำอย่างไร
พอประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินปั๊บ ทหารได้รับปืนต้องยิงทันที รับดาบก็ต้องฟันทันที ถามว่าถ้ามีปืนแล้วเหน็บไว้ก่อนแล้วยืนคุมเชิงได้หรือไม่ มีดาบก็ใส่ในฝักยังไม่ต้องชัก ได้ตกลงกับ ผบ.ทบ.ว่าผมอดทนรอได้ สิ่งที่จะให้ทำคือล้อมไว้แล้วไม่ให้เข้า แต่จะให้ออก และตอนนี้ก็รู้ว่าคนข้างในอยากออก แต่เขาไม่ให้ออก ข้างในมีประมาณ 3,000 คน วันนี้บรยากาศข้างในไม่ได้สวยสดงดงามเหมือนแต่ก่อน

- ที่ว่าจะทำประชามติเรื่องการชุมนุม จะดำเนินการอย่างไร
ที่ประชุม ครม.เร่งด่วนวันนี้ เพราะการประกาศแต่งตั้งกองอำนวยการแก้ฉุกเฉินจะต้องให้ ครม.สลักหลังยืนยันภายใน 3 วัน แล้วอำนาจรัฐมนตรีทั้งหลายใน กทม.ทั้งหมดจะต้องมอบให้ผม ซึ่งเป็นไปตามพระราชกำหนด เลยทำเสียให้เสร็จวันนี้ ทั้งหมด ครม.มา 31 คน ขาด 4 ก็ไม่มีปัญหา แล้วการประชุม ครม.วันนี้ได้คุยต่อเรื่องที่นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รองหัวหน้าพรรคชาติไทย และนายสุทิน คลังแสง กรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน เสนอถึงการใช้ พ.ร.บ.ประชามติ เพื่อหาข้อสรุปข้อขัดแย้งที่หาทางออกไม่ได้ เช่น 1.เห็นว่าสิ่งที่กลุ่มพันธมิตรทำถูกต้องให้ลงเครื่องหมายถูก ก็ต้องถามสองช่องถูกหรือผิด ข้อ 2.เห็นว่ารัฐบาลถูกต้องก็การัฐบาล เห็นว่าพันธมิตรถูกต้องก็กาพันธมิตร ใช้เวลา 1 เดือนในการรณรงค์เต็มที่

- ระหว่างนี้พันธมิตรยึดทำเนียบต่อไปได้ใช่ไหม
ไม่มีปัญหา ก็จะรอ แต่เวลานี้ที่จะขอร้อง ที่ต้องมาออกรายการก็เพื่อพูดไปถึงสมาชิกวุฒิสภา ท่านมีเวลา 90 วัน กฎหมายนี้มันผ่านสภาผู้แทนฯไปแล้ว เข้าวุฒิสภาวันที่ 5 กันยายน มาออกข่าวก็เพื่อขอความกรุณาว่า ท่านจะทำให้รวดเร็วหน่อยได้หรือไม่ สัก 3 วันท่านผ่านเสร็จเรียบร้อยก็จะมีทางออก เป็นประตูที่ ผบ.ทบ.พูดไว้ ให้แก้กันในสภา ถามว่าที่มันวุ่นวายวันนี้เพราะผมเหรอ (เสียงสูง) ผมไปทำอะไร มันไม่ใช่เพราะผม

- พรรคร่วมรัฐบาลจะร่วมหัวจมท้ายกับนายกฯต่อไปอีกหรือไม่
เขาก็มีความสุขที่ได้ทำงานด้วยกันทั้งห้าพรรค (ตอบสวน) ดูอย่างพรรคเพื่อแผ่นดินหัวหน้าถอน แต่ลูกพรรคก็ยังไม่ถอน เมื่อสองสามวันที่ผ่านมา ก็มีข่าวจะออก แต่ก็ไม่ออก ลูกพรรคเขาไม่เอาด้วยก็ยังอยู่ต่อ นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ผมก็เคารพนับถือ เมื่อท่านแสดงความเห็นให้เอาเรื่องเข้า 2 สภา ผมก็ทำตามที่แนะนำ ทุกคนอยู่กันแบบไม่มีอะไรที่เป็นความขัดแย้ง