คุณสมบัติทั่วไป
- ขนาด (กว้าง x ยาว x หนา) 860 x 1960 x 150 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 12 กิโลกรัม
- รองรับน้ำหนักได้ 150 กิโลกรัม
รายละเอียดคุณสมบัติ
- เป็นที่นอนฟูกทางการแพทย์สำหรับรองนอนเพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับ ผลิตจาก PUR foam ที่ออกแบบมาพิเศษโดยบริเวณหัว และปลายเท้าที่จะนุ่มเป็นพิเศษ
- มีชั้นโฟม 3 ชั้น ที่มีลักษณะที่ระบายตัวตามช่องเนื้อโฟม ลดความอับชื้นในขณะที่ผู้ป่วยนอน
- รองรับน้ำหนักได้ตั้งแต่ 2 - 150 กิโลกรัม
- ผ้าคลุมนั้นผลิตจากโพลียูรีเทน (Polyurethane – PU) คุณสมบัติป้องกันน้ำได้ดีสามารถถอดนำมาซักได้ หรือเช็ดทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อได้ สามารถทนความร้อนได้สูงสุดถึง 95 °C แต่ยังคงคุณสมบัติระบายความชื้นได้ดี
- สามารถใช้กระจายแรงกดทับโดยเฉพาะ สามารถใช้งานร่วมกับผู้ป่วยที่มีแผลกดทับในระดับที่ 4 ตามหลัก EPUAP
- กระจายแรงกดที่กระทำต่อผิวผู้ป่วยกับผิวที่นอนโฟมนั้นน้อยกว่า 18 mmHg
- พื้นผิวของโฟมด้านบนเป็นแผ่นเรียบสนิท ทำความสะอาดง่าย ด้านล่างมีช่องว่างระหว่างชั้นโฟมช่วยให้อากาศถ่ายเทได้
- มีการเติมสารป้องกันการลามของไฟ เพื่อให้วัสดุนั้นสามารถดับไฟเองได้ หากเกิดประกายไฟ
- ที่นอนโฟมสามารถเข้าเครื่อง Autoclave ได้ สูงสุดที่อุณหภูมิ 105°C หรือ 221°F
- ทรงตัวง่าย ลุกขึ้นนั่ง พลิกตัวได้อย่างมั่นคง เนื่องจากตัวโฟมมีความหนาแน่นสูง ไม่ยวบยาบและมีขอบเสริมข้างเตียง จึงทำให้ผู้ป่วยสามารถลุกขึ้นนั่งหรือปรับท่าทางได้อย่างมั่นคง รวมถึงการนั่งพักบริเวณข้างเตียงก็สามารถทำได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
- ทำความสะอาดง่าย ถูกสุขอนามัยที่ดีไม่มีการแพร่กระจายของเชื้อโรค ตัวที่นอนสามารถใช้น้ำหรือน้ำยาฆ่าเชื้อเช็ดถูได้โดยสะดวกเพราะมีพื้นผิวที่ราบเรียบ (ผ่านมาตรฐาน RKI-Guideline แล้ว ว่าสามารถฆ่าเชื้อตามมาตรฐานด้วยวิธีการเช็ดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อได้)โดยไม่มีร่องระหว่างลอนหรือรูท่อลมให้ต้องเก็บรายละเอียดทั้งยังหมดห่วงเรื่องของเชื้อสะสมในห่อลมหรือปั๊มลมที่อาจแพร่กระจายได้ทางอากาศอีกด้วย
- สามารถใช้ได้กับเตียงผู้ป่วยทุกรูปแบบทั้งเตียงปกติและเตียงไฟฟ้าตั้งแต่ 2 – 5 ไกร์ โดยตัวที่นอนโฟมสามารถปรับเข้ากับการจัดท่าของเตียงแบบต่างๆ
- บรรจุแบบสุญญากาศเพื่อลดพื้นที่ และขนาดบรรจุง่ายต่อการเคลื่อนย้าย
- สินค้านำเข้าจากประเทศเยอรมนี
เป็นผลิตภัณฑ์ Funke Medical ประเทศเยอรมนี
รับประกันสินค้าจากการใช้งานปกติ โฟม 2 ปี, ที่คลุมที่นอนชั้นนอก 1 ปี
แผลกดทับ คืออะไร
แผลกดทับเป็นแผลที่เกิดจากการกดทับลงไปเป็นเวลานาน ทำให้ผิวหนังหรือเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังถูกทำลายแบบเฉพาะที่ เกิดเนื้อตายและแผลขึ้นมา อาจมีอาการเจ็บปวดร่วมด้วย ส่วนใหญ่จะเกิดบริเวณปุ่มกระดูกต่าง ๆ เช่น ส้นเท้า ก้นกบ ด้านข้างสะโพก เป็นต้น
ปัจจัยเสี่ยงแผลกดทับ
ขาดการเคลื่อนไหว เช่น นอนติดเตียงตลอดเวลา
เคลื่อนไหวไม่ค่อยดี
ผอม ผิวหนังบาง ขาดน้ำ ขาดอาหาร
โรคเบาหวาน โรคเกี่ยวกับเส้นเลือด
ควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะหรืออุจจาระไม่ได้ ทำให้เกิดความอับชื้นจากการใส่ผ้าอ้อมขณะนอนหลับ
ลักษณะแผลกดทับ
แผลกดทับสามารถระบุระยะที่เป็นได้จากระดับของเนื้อเยื่อที่ถูกทำลาย
ระยะที่ 1 ผิวหนังมีรอยแดง ๆ ใช้มือกดแล้วรอยแดงไม่จางหายไป ผิวไม่ฉีกขาด
ระยะที่ 2 ผิวหนังเสียหายบางส่วน แผลตื้น ไม่พอง ไม่เป็นตุ่มน้ำใส
ระยะที่ 3 แผลลึกถึงชั้นถึงไขมัน สูญเสียผิวหนังทั้งหมด
ระยะที่ 4 แผลลึกมองเห็นถึงกระดูก เอ็น กล้ามเนื้อ สูญเสียผิวหนังทั้งหมด
นอกจากนี้ยังมีแผลกดทับที่เรียกว่า Deep Tissue Injury (DTI) เป็นแผลกดทับที่มักเกิดขึ้นกับผู้ป่วยที่ไม่ค่อยเคลื่อนไหว ผิวหนังไม่ฉีกขาด มีสีม่วงเข้มหรือสีเลือดนกปนน้ำตาล หรือพองเป็นตุ่มน้ำปนเลือด อาจเจ็บปวดร่วมด้วย ไม่สามารถระบุระยะที่เป็นได้
วิธีการรักษาแผลกดทับ
หัวใจสำคัญในการรักษาแผลกดทับ คือ การลดภาวะเสี่ยงจากการกดทับ ช่วยให้ผู้ป่วยเกิดแรงกดทับที่อวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งน้อยลง ดูแลแผล บรรเทาอาการเจ็บแผล ป้องกันการติดเชื้อที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งการรักษาแบบองค์รวมจะช่วยให้สามารถดูแลได้ครบทุกด้าน วิธีการรักษาแผลกดทับ ได้แก่
ลดแรงกดทับ โดยจัดท่านอนผู้ป่วยให้พลิกตัวทุก 2 ชั่วโมง หากนอนตะแคงควรนอนที่ 30 – 45 องศา นอนหนุนศีรษะไม่สูงเกิน 30 องศา ไม่นั่งกดทับแผล
ดูแลแผล เนื่องจากแผลจะหายในที่ที่มีความชุ่มชื้นอยู่บ้าง ดังนั้นในการทำแผลแพทย์จะพิจารณาน้ำหลั่งจากแผล ถ้าน้ำหลั่งเยอะ จะใช้วัสดุที่ดูดซับได้ดี แต่ถ้าน้ำหลั่งน้อยมาก แพทย์จะใช้วัสดุปิดแผลที่ไม่ติดแผลมากนัก จากนั้นแพทย์จะพิจารณาพื้นแผล เนื้อตาย ขอบแผล ประเมินภาวะติดเชื้อ โดยจะเลือกวัสดุปิดแผลที่เหมาะกับประเภทของแผลเป็นสำคัญ เพื่อให้แผลหายเร็วขึ้นและลดการเสียดสีที่ผิวหนัง
การตัดเนื้อตาย แพทย์จะทำการตัดเนื้อเยื่อที่ถูกทำลายออกไป เพราะแผลกดทับจะหายได้ต้องไม่มีการติดเชื้อหรือเนื้อเยื่อตาย โดยแพทย์อาจนำส่วนของกล้ามเนื้อ ผิวหนัง หรือเนื้อเยื่อในร่างกายของผู้ป่วยมาปิดแผลและกระดูกในบริเวณที่ได้รับผลกระทบจากแผลกดทับ และแพทย์อาจให้ยาปฏิชีวนะและการดูแลต่าง ๆ เพิ่มเติมตามความเหมาะสม