จระเข้เรียกทรัพย์ พระอาจารย์อุทัย วัดวิหารสูง จังหวัดพัทลุง

พระอาจารย์อุทัยจึงมีดำริให้จัดสร้างวัตถุมงคลพญากุมภีร์ (จระเข้)
เพื่อเป็นที่ระลึกตอบแทนแก่ผู้มีจิตศรัทธาบริจาคทุนทรัพย์ก่อสร้างศาลาประชาธรรมอุทโย ปี พ.ศ.2560

สำหรับความเชื่อเกี่ยวกับวัตถุมงคลพญากุมภี รุ่นสร้างศาลาประชาธรรมอุทโยนั้น
เชื่อว่าผู้มีพญากุมภีไว้บูชา หรือติดตัวจะช่วยเรื่องการประกอบธุรกิจ ค้าขาย โชค ลาภ มีอำนาจ
และช่วยปกป้องคุ้มครองให้พ้นภัยอันตราย จระเข้เป็นสัตว์ที่แข็งแรง กรามใหญ่ ไม่มีลิ้น กินเยอะ
สามารถอ้าปากได้กว้าง งับได้อย่างแน่นหนา ก็เปรียบได้กับการทำมาค้าขาย ใช้มัดจูงใจลูกค้า

พระอาจารย์ท่านได้แนะเคล็ดบูชาไว้ว่า
นิสัยจระเข้เขาชอบแช่น้ำ หมั่นนำมาแช่น้ำบ่อยๆ พร้อมทั้งบอกกล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการบูชา ว่าเราจะให้ท่านช่วยเรื่องใด

พุทธคุณ ด้านค้าขาย การเงิน การงาน หนุนทรัพย์ เรียกโชค เรียกลาภ เมตตามหานิยม

จระเข้เรียกทรัพย์ จัดสร้าง 500 ตัว
ขนาดประมาณ กว้าง 1.5 ซม x ยาว 3.5 ซม ไม่มีกล่อง
รับประกันพระแท้

พระอาจารย์อุทัย อุทโย (พระครูวัชรวิหารคุณ) “เทพเจ้าหยุดกระสุนแห่งพัทลุง”

พระอาจารย์อุทัย อุทโย (พระครูวัชรวิหารคุณ) หรือ ชื่อเดิมคือ “อุทัย บัวเพชร” เกิดเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2509 ที่บ้านมะกอกใต้ หมู่ 3 ตำบลชัยบุรี อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง โยมบิดาชื่อ นายผ่อง บัวเพชร โยมมารดาชื่อนางน้อย บัวเพชร ในวัยเยาว์ท่านได้ใช้ชีวิตเฉกเช่นเด็กทั่วไป โดยได้เล่าเรียนสำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จากโรงเรียนพรหมพินิตชัยบุรี อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง ต่อมาเมื่อย่างเข้าวัยที่ต้องเกณฑ์ทหาร ท่านได้รับใช้ชาติอยู่เป็นเวลา 2 ปี จากนั้นจึงได้สมัครเป็นทหารพรานอีกเป็นเวลา 3 ปี

จนถึงคราหนึ่งที่ตัวท่านเองได้เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ คือ การอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2535 ณ วัดวิหารสูง ตำบลชัยบุรี อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง โดยมีพระครูสิทธิโสภณ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูประจักษ์วิหารคุณ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูคง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ จากนั้นพระอาจารย์อุทัยได้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมเป็นอย่างดี จวบจนสามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี โท เอก ในปี พ.ศ. 2540

นอกจากนี้ พระอาจารย์อุทัยยังมีความรู้ในการอ่านเขียนทั้งภาษาบาลี ภาษาขอมไทย ตลอดจนการศึกษาวิชาต่างๆ ทั้งการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานอย่างเข้มข้น และการศึกษาไสยเวทย์ ฝึกปฏิบัติจนเกิดความชำนาญเป็นอย่างดี ในเวลาต่อมาด้วยศรัทธาของสาธุชน ประกอบกับการทำหน้าที่ในฐานะสงฆ์ได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันท่านยังเป็นพระสงฆ์ที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัย ปฏิบัติตนอยู่ในศีลธรรม ทำให้ท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดวิหารสูง หลังจากนั้น ท่านได้พัฒนาวัดวิหารเรื่อยมา ทั้งการสร้างเสนาสนะ การบูรณะปฏิสังขรณ์วัดวิหารสูงตามลำดับจนเจริญรุ่งเรืองอย่างที่เห็นอยู่ทุกวันนี้ จึงถือได้ว่าพระอาจารย์อุทัยเป็นพระนักพัฒนาอีกท่านหนึ่งที่สาธุชนให้การยอมรับ

สำหรับด้านการฝึกฝนสรรพวิชาต่างๆนั้น พระอาจารย์อุทัยได้ศึกษากับครูบาอาจารย์หลายท่าน เช่น พระอาจารย์ปลอด วัดหัวป่า อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา ซึ่งการศึกษาวิชาครั้งนี้ต้องใช้เวลานานกว่า 10 ปี ซึ่งต้องหมั่นฝึกฝนจนเกิดความชำนาญในวิชาต่างๆ นอกจากนี้ท่านยังได้ร่ำเรียนวิชาจาก พระอาจารย์ผัน วัดทรายขวา พระอาจารย์เศียร อดีตเจ้าอาวาสวัดวิหารสูง พระอาจารย์ปาน แห่งวัดแสงอรุณ อาจารย์ผ่อง วัดแจ้ง และอื่นๆอีกหลายท่าน

ด้านสมณศักดิ์ พระอาจารย์อุทัยท่านได้รับตราตั้งเป็นเป็นพระอธิการอุทัย อุทโย เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2541 ครั้งต่อมา เมื่อ 10 ธันวาคม 2543 ท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดวิหารสูง ต.ชัยบุรี อ.เมือง จ.พัทลุง จากนั้นพระอาจารย์อุทัยจึงได้รับตราตั้งเป็น พระสมุท์อุทัย อุทโย และได้รับตราตั้งเป็น พระครูอุทัย อุทโย วัดวิหารสูง เมื่อ 5 ธันวาคม 2546 ขณะอายุได้ 38 ปี พรรษาที่ 11

ในด้านการสร้าง วัตถุมงคล นั้น เรียกว่า พระอาจารย์อุทัย วัดวิหารสูง เป็นหนึ่งใน พระเกจิอาจารย์ แดนใต้ที่ได้รับการยอมรับและเคารพศรัทธาจากสาธุชน เพราะ วัตถุมงคล ของท่านมีความเข้มขลังเป็นอันมาก มีประสบการณ์หลากหลายรุ่น

ในปัจจุบันเรียกว่า พระอาจารย์อุทัย วัดวิหารสูง เป็นที่ยอมรับในหลายๆด้าน ทั้งในด้านการพัฒนาวัดวาอาราม การทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา เป็นศูนย์รวมจิตใจของสาธุชน และอีกประการหนึ่งคือ ในด้านการปลุกเสกวัตถุมงคลที่เข้มขลัง เห็นได้จากประสบการณ์ในหลายๆรุ่น และไม่ว่าจะมีพิธีพุทธาภิเษกที่ใด ก็มักจะมีชื่อของพระอาจารย์อุทัยปรากฏอยู่ด้วยเสมอเนื่องจากท่านได้เล่าเรียนเวทย์อาคมจากหลากหลายครูบาอาจารย์ และหมั่นฝึกปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านวิชาอาคมและการปฏิบัติกรรมฐานเพื่อให้มีสมาธิอันแน่วแน่ ซึ่งจะส่งผลต่อการปลุกเสก วัตถุมงคล ที่เข้มขลัง จึงไม่แปลกว่า วัตถุมงคลที่ท่านได้ปลุกเสกในแต่ละรุ่น เกิดอานุภาพประสบการณ์แก่ผู้บูชาอย่างแท้จริง