กาลครั้งหนึ่งยังมีโลก   ซึ่ง "เวลา" คือ "สถานที่" ณ ที่นั้น การผจญภัยเหนือจินตนาการ จึงเริ่มต้น...แคนดี้ แคว็กเกนบุชใช้ชีวิตน่าเบื่อในเมืองที่สุดแสนจะน่าเบื่ออย่างชิกเกนทาวน์ เธอฝันอย่างลึกๆว่าเธอจะได้ไปจากที่นี่ แล้วเธอก็ได้ไปจริงๆ ไปโดยไม่คาดฝัน ไปด้วยวิธีการแสนมหัศจรรย์ แต่สิ่งที่เธอพบหลังจากนั้นกลับมหัศจรรย์ยิ่งกว่า ณ ที่เวลาคือสถานที่ แคนดี้ค่อยๆเรียนรู้เหตุผลด้วยตัวเองว่าเธอมาที่นี่ทำไม และผู้คนแห่งอบารัตคาดหวังอะไรจากเธอ แต่กว่าถึงตอนนั้น แคนดี้ก็พบว่ายังมีอะไรอีกมากมายที่ไม่อาจคาดหมายได้ และอันที่จริงไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม รู้...เมื่อถึงเวลา น่าจะดีที่สุด เพราะ...ทุกอย่าง มีชั่วโมงของมันเอง และ...ทุกสิ่งเป็นไปได้ใน    "อบารัต" 
(เล่มที่1)

สำหรับผู้ที่ติดใจเล่มแรกไปแล้ว คงไม่ต้องบอกอะไรมาก นอกจากให้รีบเปิดเข้าไปอ่านโดยไว เพราะทุกคนรู้อยู่แล้วว่าความสนุกสนานตื่นเต้นกำลังรออยู่เบื้องหน้าอย่างไรบ้าง
แต่สำหรับผู้ที่กำลังจะอ่านเล่มนี้เป็นเล่มแรก คงต้องย้อนไปอ่านเล่มหนึ่งเสียก่อน เพื่อเข้าใจเรื่องทั้งหมด อบารัตคืออะไร ทำไมจึงมีสัตว์ประหลาดพิสดารมากมายขนาดนั้น ทำไมเวลาของแต่ละเกาะจึงหยุดนิ่งอยู่ที่ชั่วโมงนั้นเสมอ ทำไมเมื่อพูดถึงเกาะแห่งชั่วโมงที่ยี่สิบห้า ทุกคนจึงดูเหมือนอกสั่นขวัญหายและแทบคาดการณ์ถึงความตายของตัวเองไว้ล่วงหน้าได้เลย (ขอเตือนไว้ว่าไม่มีใครกลับมาจากที่นั่นได้โดยไม่เป็นบ้าไปเสียก่อน) ทำไมแคนดี้จึงมาอยู่ที่อบารัต ทำไมเธอจึงรู้สึกเหมือนเคยอยู่ที่นี่ ทำไมเจ้าแห่งเที่ยงคืนจึงต้องตามล่าตัวเธอ ทำไมท่านย่าเมเทอร์ม็อตลีย์จึงพยายามที่จะตามล่าเธอยิ่งกว่า และทำไมจึงมีผู้คนอีกไม่น้อยที่พร้อมจะช่วยเหลือเธอ--ด้วยชีวิต ฯลฯ
หลาย ๆ คำถามจากเล่มแรก ได้รับคำเฉลยในเล่มนี้ แม้ว่าจะเป็นคำเฉลยที่น่าตกใจและน่าหวาดหวั่นไม่น้อย สำหรับเด็กหญิงวัย ๑๔ จาก “โลกหน้า” ผู้หลุดจากเมืองเล็ก ๆ น่าเบื่อมาสู่เกาะซึ่ง“ทุกสิ่งเป็นไปได้” แห่งนี้ --เกาะที่กลางวันเต็มไปด้วยเวทมนตร์ กลางคืนก็กำลังเตรียมตัวทำสงคราม-- และในเมื่อมันเป็นเวทมนตร์และสงครามแห่งอบารัต ทุกสิ่งที่ไม่คาดฝัน และอยู่นอกเหนือจินตนาการ จึงเกิดขึ้นได้เสมอ ที่สำคัญ บางสิ่งยังมืดมนถึงที่สุดอีกด้วย
(เล่มที่2)
#หนังสือมือสอง