หัวน้ำด่าง หรือ น้ำอัลคาไลน์ (เข้มข้น)
ผลิตจากเถ่ากะลามะพร้าว ค่า PH 13
ควรอ่าน..ให้จบ.....ก่อนตัดสินใจซื้อ

อย่าซื้อตามเขาบอกว่า...????

อ่านแล้ว..ดูแล้ว...ดีต่อร้างกายเรา....ซื้อเลยจ้าๆๆ

ทำไมต้องดื่ม น้ำด่าง (น้ำอัลคาไลน์) ที่ผลิตจากเถ่ากะลามะพร้าว
โดยทั่วไปอาหารที่เราทานเข้าไปมักมีสภาพความเป็นกรด เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม แป้ง น้ำตาล เนื้อสัตว์ นมวัว แอลกอฮอล์ และอื่นๆ น้ำด่าง (น้ำอัลคาไลน์) มีความเป็นด่าง ทำให้ร่างกายของเราต้องต่อสู้กับสภาวะที่เป็นกรด สภาพความเป็นกรดนี้เอง เป็นช่องทางที่ทำให้มีโรคภัยเขาสู่ร้างกายของเรา และความเป็นด่างในเลือดยัง ชลอ หรือ หยุดการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้
กรดของร่างกาย เป็นกรดที่เกิดจากของเสีย หรือ ที่เรียกกันว่า “Acidic Waste” (กรด ของเสีย) ดังนั้นร่างกายจึงต้องการความเป็นด่าง เพื่อมาลดกรดส่วนเกิน เพื่อสร้างสมดุลให้ร่างกาย เป็นกลาง
น้ำด่าง หรือ (น้ำอัลคาไลน์) เป็นของเหลว ที่สามารถแทรกซึมเข้ากระแสเลือดได้เร็ว จึงปรับสภาพเลือดให้เปลี่ยนจากกรดเป็นด่างได้อย่างเร็ว มากกว่าการกินอาหารโดยที่ต้องอาศัยเวลานานในการย่อยเพื่อให้สามารถดูดซึมได้ใช้เวลานานกว่า
น้ำด่างยังเหมาะกับผู้มีอาการกรดไหลย้อน หรือผู้ที่เป็นกรดในกระเพาะ เมื่อดื่มน้ำด่างหลังการทานอาหารเข้าไป น้ำด่างจะเข้าไปลดความเป็นกรดในกระเพาะได้
น้ำด่าง หรือ น้ำอัลคาไลน์
น้ำด่างที่มีอยู่ในตลาดนั้นมีค่า PH จะต่างกันไป ตามแต่วิธีการผลิตของผู้ผลิตแต่ละเจ้า
การวัดค่า PH ในร้างกาย วัดได้จากค่า PH ของน้ำลาย หรือ น้ำปัสสาวะ
**ผลิตภัณฑ์น้ำด่างที่ ผลิตจากเถ้ากะลามะพร้าว มีความสามารถทำให้มีค่า PH สูงสุดถึง 13 จะเรียกกันว่า (น้ำด่างเข้มข้น หรือ หัวน้ำด่าง) เวลานำไปใช้ต้องนำไปผสมน้ำ (1 ช้อนคาว ต่อน้ำ 1 ลิตร) ให้ค่า PH ที่ต่ำลง (ผสมแล้วจะได้ค่า PH 8.5 – 9) นำมาเจือจางเสียก่อนจึงจะสามารถนำมาดื่มได้ น้ำด่างช่วยปรับสภาพโดยรวมของร่างกายให้สมดุลยิ่งขึ้น ความเป็นด่างนี้จะไปปรับสภาพลดกรดในร่างกาย ซึ่งทำให้ร่างกายสามารถยับยั้งโรคภัยต่างๆที่อาจเกิดขึ้นได้ นอกจากน้ำด่างจะสามารถผสมน้ำดื่มเพื่อสุขภาพแล้ว ยังสามารถนำมาผสมล้างผักผลไม้หรือวัตถุดิบในการประกอบอาหารต่าง ๆ หรือนำมาผสมน้ำ ใช้อาบชำระล้าง
เรื่องของกรด-เบส หรือ กรด-ด่าง จะแสดงค่าด้วยตัวเลขที่เรียกว่า ค่า PH (Potential of Hydrogen ion)
ซึ่งมีตั้งแต่เลข PH 0 – 14
PH 0 - 6 จะมีค่าเป็น “กรด” (ไม่ควรต่ำ 6.8 ค่าไม่ดี ร่างกายไม่ต้องการ)
PH 7 ก็คือ “เป็นกลาง” นั่นเอง (7.35 – 7.45 เป็นค่าที่ดีที่สุด ที่ร่างกายต้องการ)
PH 8 - 14 เรียกว่ามีค่าเป็น “ด่าง” (ไม่ควรเกิน 7.8 ค่าไม่ดี ร่างกายไม่ต้องการ)
ภาวะที่ร่างกายเสียสมดุลกรด-ด่าง
*ในภาวะปกติ เลือดของเราจะมีความเป็นด่างอ่อน ๆ หรือมีค่า pH ประมาณ 7.35-7.45 เป็นค่าที่ดีที่สุด ที่ร่างกายต้องการ
*เมื่อค่า pH ในเลือดเกิดภาวะ(กรดเกิน) ไม่ควรให้ต่ำกว่า 6.8 ต่ำเป็นเวลานาน จะเป็นอัตรายต่อร่างกาย จะเกิดภาวะเลือดเป็นกรด (Acidosis) (ควรปรับสภาวะให้เป็นกลางให้ได้)
*เมื่อค่า pH ในเลือดเกิดภาวะ(ด่างเกิน) ไม่ควรให้สูงกว่า 7.8 สูงเป็นเวลานาน จะเป็นอัตรายต่อร่างกาย จะเกิดภาวะเลือดเป็นด่าง (Alkalosis) (ควรปรับสภาวะให้เป็นกลางให้ได้)

ภาวะกรดเกิน และ ด่างเกิน เกิดขึ้นได้น้อยมาก นอกจากจะมีความผิดปกติของปอดหรือไตซึ่งเป็นอวัยวะที่ควบคุมสมดุลกรด-ด่างในร่างกาย
โดยปกติแล้ว หากร่างกายมีภาวะเป็นกรดหรือด่างไม่มาก คืออยู่ระหว่าง 6.8-7.8 ร่างกายจะมีกลไกปรับสภาพความเป็นกรดด่างในร่างกายให้สมดุลได้ โดยการขับถ่ายกรดออกนอกร่างกายทางปัสสาวะ (กรดอินทรีย์) หรือ ลมหายใจออก (ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์) แต่ถ้ามีภาวะหนึ่งภาวะใดสูงเกินไปก็เสี่ยงต่อการนำไปสู่การเกิดโรคต่างๆได้
โรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับมนุษย์นั้น เป็นผลมาจากภาวะกรดเกินในร่างกาย จนทำให้มีสารพิษสะสม

*กรดเกินแล้วเป็นอย่างไร*
ผู้ที่มีภาวะกรดเกินจะมีอาการเหนื่อยง่ายหอบ หายใจถี่ ไม่ค่อยมีแรง แขนขาเป็นตะคริว ขี้หนาว คลื่นไส้ ปวดศีรษะบ่อย ๆ ผิวแห้ง ไม่ชุ่มชื่น มีกระ เกลื้อน สิว เล็บเปราะบาง ผมไร้น้ำหนัก แตกปลาย เสียวฟันได้ง่าย มีรอยแตกที่มุมปาก เป็นหวัดติดเชื้อง่ายคอและทอนชิลอักเสบบ่อย ๆ

*ด่างเกินแล้วเป็นอย่างไร*
อาจมีอาการเวียนศีรษะ มึนศีรษะ กล้ามเนื้อกระตุก มือสั่นกล้ามเนื้อหดเกร็งอย่างต่อเนื่อง คลื่นไส้ อาเจียน มีอาการชาหรือปวดเสียวบริเวณใบหน้า มือ เท้า ความคิดสับสน ซึ่งเป็นอาการทางระบบประสาท จนอาจถึงขั้นหมดสติและเสียชีวิตได้
อาหารที่ช่วยเพิ่มความเป็นด่าง ได้แก่
ข้าวไม่ขัดสีจำพวกข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ ข้าวไรซ์เบอรี่ ข้าวมะลิแดง ข้าวมะลินิลสุรินทร์ และข้าวไม่ขัดสีอื่นๆ
เนื้อปลา เมล็ดพืชต่าง ๆ เป็นต้นว่า อัลมอนด์ แฟลกซ์ซีด เมล็ดฟักทอง เมล็ดทานตะวัน ลูกเดือย ลูกบัว ข้าวฟ่าง งาดำ งาขาว ข้าวโอ๊ต หัวมัน
ผักและผลไม้ แนะนำให้กินผักใบเขียว ผักบุ้ง ปวยเล้ง ขึ้นฉ่าย ฟักทอง กระเทียม มะเขือเทศ ข้าวโพด สาหร่าย แตงกวา หน่อไม้ฝรั่ง พืชตระกูลกะหล่ำ บรอกโคลี เยื่อไผ่ อะโวคาโด แอปเปิล แตงโม กล้วย ลูกแพร์ องุ่นม่วง
นอกจากนี้ยังแนะนำให้กินผลไม้รสเปรี้ยวบางชนิดที่หลังจากผ่านกระบวนการย่อยแล้ว ส่วนที่เหลือจะมีความเป็นด่าง เช่น เลมอน มะนาว ส้ม สับปะรด กีวี
วิธีตรวจความเป็นกรด-ด่าง ในร่างกาย
ใช้กระดาษ ลิตมัส หรือ กระดาษpH (เน้นนะครับให้ใช้ชนิดกระดาดาษ ที่ระบุมีค่าอ่านที่ 4.5-9.0 เท่านั้น จะละเอียด มีคุณาพสูง) (อย่าซื้อชนิดกระดาษ 1-14 นะครับใช้ไม่ได้) ที่ถูกต้องควรใช้ชนิดกระดาษวัด 4.5-9.0 สามารถบอกค่าความเป็นกรด-ด่าง ได้ละเอียด เนื่องจากจะมีแถบสีให้เทียบว่าตัวอย่างที่นำ มาทดสอบมีค่าความเป็นกรด-ด่างเท่ากับเท่าไรตามตารางที่ระบุ
สั่งซื้อ..สอบถามสินค้าคุณภาพที่เราได้เลย ที่ช่องแชท

#น้ำด่าง #หัวน้ำด่างเข้มข้น #น้ำด่างเข้มข้น #น้ำอัลคาไลน์ #น้ำอัลคาไลน์เข้มข้น #pH12 #pH13 #สร้างภูมิคุ้มกัน #น้ำด่างเพื่อสุขภาพ #น้ำAlkaline #alkaline #น้ำแร่