พระกริ่งหลวงปู่ทวดนั่งบัลลังก์ภุชงค์ รุ่น"พรโพธิสัตว์" องค์พระเนื้อชนวนรมซาติน ฐานเนื้อชนวนรมซาตินเนื้อหายาก วัดลอน
พระกริ่งหลวงปู่ทวดนั่งบัลลังก์ภุชงค์-รุ่น-พรโพธิสัตว์-องค์พระเนื้อชนวนรมซาติน-ฐานเนื้อชนวนรมซาตินเนื้อหายาก-วัดลอน
ข้อมูลสินค้า
ราคา
2,900.00 บาท
ร้านค้า
เปิดพระกริ่งหลวงปู่ทวดนั่งบัลลังก์ภุชงค์
รุ่น"พรโพธิสัตว์" องค์พระเนื้อชนวนรมซาติน ฐานเนื้อชนวนรมซาติน อยู่ในรายการที่15 เนื้อหายาก วัดลอน จ.พัทลุง ปลุกเสก ณ.ถ้ำฉัตรทัณฑ์บรรพต
วัดเขาอ้อบรรจุเม็ดกริ่งดอกมณฑาทิพย์
เสียงกริ่งดังกังวาล สวยคลาสสิค ขนาด 4.5 ซม.
มีเลขโค๊ตใต้ฐาน ๗๓
จัดสร้างน้อยเพียง 199 องค์
มาพร้อมกล่องสวยงาม

==รายละเอียดเพิ่มเติม==
ขอย้อนนำข้อมูลที่หลายท่านอาจจะยังไม่ทราบ เกี่ยวกับหลวงปู่ทวด #พรโพธิสัตว์ ครับ

🔔 เม็ดกริ่งดอกมณฑาทิพย์ 🌺 ...เม็ดกริ่งที่บรรจุในรุ่น "พรโพธิสัตว์" ✨✨

💥แม้ในส่วนที่มองไม่เห็น อย่างเม็ดกริ่ง ในรุ่นนี้ยังสร้างเป็นดอกมณฑาทิพย์ ซึ่งเป็นดอกไม้แห่งสวรรค์ ที่มอบให้หลวงปู่ทวด 🙏🏼

♠️ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับเรื่องดอกมณฑาทิพย์♠️

ปริศนา..ดอกมณฑาทิพย์ (ดอกไม้แห่งสรวงสวรรค์)

ในสมัยหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด (สมเด็จเจ้าพะโคะ) พำนักอยู่วัดพะโคะครั้งนั้น มีสามเณรน้อยรูปหนึ่ง อาศัยอยู่วัดใดวัดหนึ่งในเขตอำเภอหาดใหญ่

สามเณรรูปนี้ ได้บวชมาตั้งแต่อายุน้อยๆ ได้ปฏิบัติธรรมเจริญกรรมฐานอย่างเคร่งครัด มีความขยันหมั่นเพียร ก่อแต่การกุศลในพระพุทธศาสนา ได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า ..

" อยากจะขอกราบพระศรีอริยะอย่างแรงกล้า”

.. อยู่มาคืนวันหนึ่ง มีคนแก่ถือดอกไม้เดินเข้ามาหา ประเคนดอกไม้ส่งให้แล้วบอกว่า นี่เป็นดอกไม้ทิพย์ ไม่รู้จักร่วงโรย พระศรีอริยะโพธิสัตว์นั้น ขณะนี้ได้จุติลงมาเกิดในเมืองมนุษย์เพื่อโปรดสัตว์ในพระพุทธศาสนา สามเณรเจ้าจงถือดอกไม้ทิพย์นี้ ออกค้นหาเถิด หากผู้ใดรู้จักกำเนิดของดอกไม้นี้แล้ว ผู้นั้นแหละเป็นพระศรีอริยที่จุติมา เจ้าจงพยายามเที่ยวค้นหาคงพบ กล่าวจบแล้วคนแก่นั้นก็อันตรธานไปทันที

...สามเณรน้อยมีความปีติยินดีเป็นยิ่งนัก วันรุ่งเช้าจึงกราบลาสมภารเจ้าอาวาส แล้วถือดอกไม้ทิพย์เดินออกจากวัดไป

สามเณรเดินทางตรากตรำลำบากไปทั่วทุกหนทุกแห่ง ก็ไม่มีใครทักถามถึงดอกไม้ทิพย์ที่ตนถืออยู่ ในมือนั้นเลย แต่สามเณรก็พยายามอดทนต่อความเหนื่อยยาก ต้องตากแดดกรำฝนไปเป็นเวลาช้านาน

...วันหนึ่งต่อมา สามเณรน้อยเดินทางเข้าเขตวัดพัทธสิงห์บรรพตพะโคะ ในเวลาใกล้จะมืดค่ำ เป็นวันขึ้น 15 ค่ำวันเพ็ญพระจันทร์เต็มดวง ส่องรัศมีจ้าไปทั่วท้องฟ้าและเป็นวันที่พระภิกษุลงทำสังฆกรรม ฟังสวดปาฏิโมกข์ในโบสถ์ สามเณรถือดอกไม้ทิพย์เดินเข้าไปอยู่ใกล้ๆริมประตูโบสถ์ รอคอยพระสงฆ์ที่จะมาลงอุโบสถ์

...พอถึงเวลาพระภิกษุทั้งหลายก็เดินทยอยกันเข้าโบสถ์ผ่านหน้าสามเณรไปจนหมด ไม่มีพระภิกษุองค์ใดทักถามสามเณรเลย เมื่อพระสงฆ์เข้าไปนั่งในโบสถ์เรียบร้อยแล้ว สามเณรจึงเดินเข้าไปนมัสการถามพระสงฆ์เหล่านั้นว่า วันนี้พระมาลงอุโบสถทุกองค์แล้วหรือ?

...พระภิกษุตอบว่า ยังมีสมเด็จอยู่อีกองค์ วันนี้ไม่มาลงอุโบสถ สามเณรทราบดังนั้นก็กราบลาพระสงฆ์เหล่านั้นเดินออกจากโบสถ์ มุ่งตรงไปยังกุฏิของสมเด็จเจ้าทันที

...ครั้นถึง สามเณรก็คลานเข้าไปใกล้ ก้มกราบนมัสการอยู่ตรงหน้าสมเด็จเจ้าพะโคะ (หลวงปู่ทวด) ท่านได้เห็นดอกไม้ทิพย์ในมือสามเณรถืออยู่ จึงถามว่า สามเณร! นั่นดอกมณฑาทิพย์ เป็นดอกไม้เมืองสวรรค์ ผู้ใดให้เจ้ามา?

...สามเณรได้ฟังดังนั้น พลันก็รู้แจ้งแก่ใจ ตามนิมิตที่คนแก่บอกว่า หากผู้ใดรู้จักกำเนิดของดอกไม้นี้แล้ว ผู้นั้นแหละเป็น "องค์พระศรีอริยะ" ที่จุติมาเกิดในเมืองมนุษย์ เพื่อโปรดสัตว์ในพระพุทธศาสนา!! สามเณรเกิดอาการขนพองสยองเกล้า มีโสมนัสปสันนาการปีติยิ่งนักหนา จึงคลานเข้าไปก้มลงกราบที่ฝ่าเท้า แล้วประเคนถวายดอกไม้ทิพย์นั้นแก่สมเด็จเจ้าพะโคะทันที

...เมื่อสมเด็จเจ้าพะโคะรับประเคนดอกไม้ทิพย์จากสามเณรน้อยแล้ว ท่านได้สงบอารมณ์อยู่ชั่วครู่ มิได้พูดจาประการใด แล้วลุกขึ้นเรียกสามเณรให้ตามท่านเข้าไปในกุฏิ ปิดประตูลงกลอน และได้เงียบหายไปอย่างลึกลับในคืนนั้น มิได้มีร่องรอยแต่อย่างใดเหลือไว้ให้พิสูจน์เลย จนเวลาล่วงเลยมาถึงบัดนี้ ประมาณสามร้อยปีแล้ว!

...การหายตัวไปของสมเด็จเจ้าพะโคะครั้งนั้น ประชาชนเล่าลือว่า ท่านได้สำเร็จญาณไปสู่สรวงสวรรค์เสียแล้ว ด้วยอำนาจบุญญาบารมีอภินิหารท่านแรงกล้า

...ตามที่ได้กล่าวเล่าลือกันเช่นนี้ เพราะมีเหตุอัศจรรย์ ปรากฏขึ้นในคืนวันนั้นว่า บนอากาศบริเวณหน้าวัดพะโคะได้มีดวงไฟโตขนาดเท่าดวงไต้(คบไต้) ส่องรัศมีสีต่างๆเป็นปริมณฑลดังพระจันทร์ทรงกลด ลอยวนเวียนบริเวณรอบวัดพะโคะ ส่องรัศมีจ้าไปทั่วบริเวณวัด

...เมื่อดวงไฟนั้นลอยวนเวียนอยู่ครบสามรอบแล้ว จึงลอยเคลื่อนไปทางทิศอาคเนย์ เงียบหายมาจนกระทั่งบัดนี้วันรุ่งขึ้น ประชาชนมาประชุมกันที่วัด ต่างคนต่างก็เข้าใจว่า สมเด็จเจ้าพะโคะท่านสำเร็จญาณสู่สวรรค์ไป จึงได้พากันพนมมือขึ้นเหนือศรีษะพร้อมกับเปล่งเสียงว่า สมเด็จเจ้าพะโคะโลหาย(ล่องหน) ไปเสียแล้วเจ้าค่าเหย

cr.ดร.ดนัย จันทร์เจ้าฉาย

ความเห็นเพิ่มเติม

ในภาษาใต้ คำว่า โล นั้นแปลได้หลายความหมาย อาจหมายถึงล่องหล หรือหายตัวไปอีกที่อย่างรวดเร็ว ก็ได้

จึงอาจตรงกับที่มาอีกหลายแห่งที่ปรากฏว่าท่านได้ธุดงไปหลายที่
คำที่เกี่ยวข้อง
เนื้อผ้าซาตินผ้าซาตินเนื้อดีผ้าซาตินเนื้อหนาซาตินพระกริ่งหลวงปู่ทวดเนื้อชนวนกางเกงซาตินผ้าซาตินผ้าพันคอซาตินเสื้อกล้ามซาติน

สินค้าใกล้เคียง