เหรียญเศรษฐีสร้างบารมี รุ่นเเรก พระครูอดุลจันทคุณ (ประดิษฐ์จันทโร) วัดกลางอุดมเวทย์ อำเภอพนมไพร จังหวัดร้อยเอ็ด ปี 2564
ข้อมูลสินค้า
ราคา
399.00 380.00 บาท
ร้านค้า
เหรียญเศรษฐีสร้างบารมี รุ่นเเรก พระครูอดุลจันทคุณ (ประดิษฐ์จันทโร)
วัดกลางอุดมเวทย์ อำเภอพนมไพร จังหวัดร้อยเอ็ด ปี 2564
เนื้อชนวนลงยาแดง
จัดสร้าง 500 เหรียญ
มีโค๊ตและเลขกำกับ
ขนาดประมาณ กว้าง 2.5 ซม x ยาว 3.5 ซม
พร้อมกล่อง รับประกันพระแท้
วัดกลางอุดมเวทย์ ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลต.พนมไพร อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด เป็นวัดที่มีประวัติความเป็นมาเก่าแก่แห่งหนึ่ง มีปูชนียสถานปูชนียวัตถุตลอดจนโบราณวัตถุ อยู่ในวัดมากมาย ที่สำคัญเป็นที่เคารพนับถือกันมาแต่โบราณกาลได้แก่ องค์พระมหาธาตุซึ่งเป็นเจดีย์ที่มีอายุเก่าแก่นับพันปี ตามตำนานเล่าต่อกันมาว่า เป็นเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ในแต่ละปีทางวัดกลางอุดมเวทย์และชาว อำเภอพนมไพรร่วมกันจัดงานเพื่อสมโภช ปีละ2-3 ครั้ง ได้แก่ ในวันเพ็ญ เดือน 3 ทางวัดและชาวอำเภอพนมไพรได้จัดงานเทศกาลบุญเดือน 3 เพื่อเฉลิมฉลององค์พระมหาธาตุ และในวันเพ็ญเดือน 7 ชาวอำเภอพนมไพรได้ร่วมกันจัดงานบุญบั้งไฟขึ้นเพื่อเป็นการสักการบูชาองค์พระมหาธาตุ และถือว่าเป็นประเพณีจัดสืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน
จากตำนานที่คนแก่ได้เล่าสืบต่อกันมาและจากหนังสือประวัติพนมไพรและประวัติพระมหาธาตุวัดกลางอุดมเวทย์ที่ครูแก้ว ทิพยอาสน์ได้เขียนรวบรวมไว้ ได้กล่าวถึงประวัติความเป็นมาของวัดกลางอุดมเวทย์ไว้ว่า ย้อนหลังไปในสมัยนับพันปีมาแล้ว สมัยนั้นพื้นที่อำเภอพนมไพรในปัจจุบัน เป็นที่อาศัยของชาวชนพื้นเมืองที่เราเรียกกันว่า “ข่า”ชาวข่าได้พากันตั้งบ้าน เรือนอยู่เป็นชุมชนใหญ่เรียกชื่อหมู่บ้านของตนเองว่า "จะแจ" หรือบ้านแก ในสมัยหนึ่งได้มีพระภิกษุ ๒ รูป มีนามว่า พระครูมหารัตนชัยยะและพระครูมหาปะสะมัน ได้เดินธุดงค์ออกจากเมืองอินทปัฐถานคร (ประเทศกัมพูชา) ไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่เมืองมรุกขนคร เมืองหลวงของแคว้นโคตรบูรณ์ (คาดว่าอยู่ในท้องที่จังหวัดนครพนมปัจจุบัน) เมื่อทั้งสองรูปผ่านมาถึงบ้านจะแจได้ ปักกลดพักผ่อนอยู่ชายป่าท้ายบ้าน ชาวบ้านทราบข่าวและเกิดความเสื่อมใสศรัทธา จึงนิมนต์ให้อยู่ที่บ้านแก พระครูมหาปะสะมันรับนิมนต์อยู่ที่บ้านแก ส่วนพระครูมหารัตนชัยยะได้เดินธุดงค์ไปเมืองมรุกขนครต่อไป
เมื่อพระครูมหาปะสะมันรับนิมนต์อยู่บ้านแก ชาวบ้านได้ร่วมกันสร้างวัดขึ้นเพื่อให้เป็นที่ปฏิบัติกิจทางศาสนาและอบรมสั่งสอนชาวบ้านและพากันตั้งชื่อวัดนี้ว่า " วัดปะสะมัน" โดยพระครูมหาปะสะมันได้จำพรรษาอยู่ที่นี่หลายสิบปีและ เห็นว่าพระพุทธศาสนามีความเป็นปึกแผ่นบนแผ่นดินของชาวข่าบ้านแกแล้ว จึงออกเดินธุดงค์ตามพระครูมหารัตนชัยยะไปยังเมืองมรุกขนครต่อไป
ต่อมาถึงสมัยที่พระครูยอดแก้วหรือพระลูกแก้ว พระภิกษุชาวเวียงจันทน์ ได้พาชาวลาวอพยพข้ามลำน้ำโขงเข้าสู่ดินแดนของชาวข่า ได้เห็นว่าดินแดนบ้านแกเป็นชุมชนใหญ่น่าอยู่จึงได้พากันตั้งรกรากอยู่ปะปนกับชาวข่า ต่อมาบ้านแกจึงกลายเป็นเมืองแสนล้านช้าง และพระครูยอดแก้วได้เปลี่ยนชื่อจากวัดปะสะมันเป็น"วัดโพธิ์" เพราะเห็นว่าเป็นวัดที่ต้นโพธิ์มากและได้เดินทางไปขอแบ่งชิ้นส่วนของพระอุรังคธาตุมาจากภูกำพร้า นำมาประดิษฐานไว้ที่วัดโพธิ์ และมีการสร้างพระสถูปเจดีย์เพื่อบรรจุชิ้นส่วน ของพระอุรังคธาตุ และพระพุทธรูปที่ได้อัญเชิญมาจากภูกำพร้าซึ่งพระเจดีย์นี้ก็คือ องค์พระมหาธาตุในปัจจุบันนั่นเอง
ต่อมาอีกนับพันปี ในสมัยพระครูกิตติมาศักดิ์ (พระครูม้าวหรือยาคูตุ้ย) ประมาณ ปี พ.ศ. 2402-2532 สมัยนี้เมืองแสนล้านช้าง ได้เปลี่ยนชื่อเป็น"เมืองมโนไพร" แขวง มโนไพร ท่ายเป็นเจ้าอาวาสได้ปฏิสังขรณ์และบูรณะวัดโพธิ์ ได้เปลี่ยนชื่อและประกาศ ชื่อใหม่อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2425 คือ "วัดกลางอุดมเวทย์" เพราะเห็นว่าเป็นวัดที่ตั้งอยู่กึ่งกลางของย่านชุมชนและเป็นวัดที่เป็นแหล่งการศึกษาหาความรู้ของประชาชนในสมัยนั้น นอกจากนี้ท่านยังบูรณะอุโบสถ และได้รับพระราชทานวิสุงคามวาสี เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2450
ต่อมาในสมัยของพระครูประโชตธรรมานุยุต (หลวงพ่อชาลี) เป็นเจ้าอาวาสระหว่างปี พ.ศ. 2497-2514 เห็นว่าองค์พระมหาธาตุทรุดโทรมปรักหักพังลงมามาก จึงชักชวนญาติโยมช่วยกันบูรณปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่จนสำเร็จเป็นองค์ พระมหาธาตุที่เด่นเป็นสง่าและเป็นศักดิ์ศรีของชาวอำเภอพนมไพรจนถึงปัจจุบันนี้
ปีพ.ศ. 2521-2539 พระปลัดนรินทร์ สุภทฺโท เป็นเจ้าอาวาสได้มีการพัฒนาทั้งด้านวัตถุและด้านจิตใจของประชาชน อาทิ อุโบสถ สร้างกุฏิ สร้างหอสมุด และอื่นๆ อีกมากมาย จัดโครงการบรรพชาอุปสมบทพระภิกษุสามเณรภาคฤดูร้อน จัดตั้งโรงเรียนพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ และตั้งมูลนิธิวัดกลางอุดมเวทย์ เพื่อเป็นการสงเคราะห์ช่วยเหลือสังคม
ล่วงถึงวันที่ 24 กันยายน 2539พระครูอดุลจันทคุณ หรือ"หลวงพ่อประดิษฐ์ จนฺทโร" ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืยต่อมาจนถึงปัจจุบัน ท่านได้พัฒนาด้านต่างๆมากมายอย่างต่อเนื่องเพื่อสืบทอดเจตนารมณ์ของอดีตท่านเจ้าอาวาส อีกทั้งยังได้ก่อตั้งสมาคมจันทคุณแสนธรรมการกุศล หน่วยกู้ภัยวัดกลางอุดมเวทย์ เพื่อช่วยเหลือและสงเคราะห์ผู้ประสบภัยต่างๆ และจัดตั้งศูนย์การรู้ICTชุมชนวัดกลางอุดมเวทย์ โดยการสนับสนุนจากกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อ สาร เพื่อให้คนในชุมชนได้ศึกษาหาความรู้และสามารถสืบค้นหาข้อมูลต่างๆด้วยตัวเอง ผ่านระบบอินเตอร์เน็ตอีกด้วย
นอกจากวัดกลางอุดมเวทย์จะมีองค์พระมหาธาตุที่สำคัญแล้ว ยังมีปูชนีย-วัตถุโบราณวัตถุที่เก่าแก่และสำคัญอีกมากมาย เช่น องค์สถูปที่มีอายุและความเป็นมาเก่าแก่คาดกันว่าคงจะก่อสร้างในสมัยเดียวกันกับองค์พระมหาธาตุ มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่ชาวพนมไพร เรียกท่านว่า "พระเจ้าใหญ่" และมีรูปหล่อของพระครูกิตติมาศักดิ์ (พระครูม้าวหรือยาคูตุ้ย) รูปหล่อพระครูประโชตธรรมมานุยุต (หลวงพ่อชารี) รูปหล่อพระครูสุภัทรอุดมเวทย์ (หลวงพ่อนรินทร์ สุภทฺโท) ซึ่งทั้ง3ท่านเป็นอดีตเจ้าอาวาสที่มีผลงานในการปฏิสังขรณ์วัดกลางอุดมเวทย์ให้มีความเจริญรุ่งเรืองสืบต่อกันมา อีกทั้งยังเป็นที่เคารพของศิษยานุ ศิษย์และลูกหลานชาวอำเภอพนมไพรตลอดมา