คนตาบอดก็สามารถเป็นนักดาราศาสตร์ได้ หากเขาเข้าใจว่าจักรวาลอันแสนกว้างใหญ่อยู่ในใจของเขาเอง เราทุกคนก็สามารถเป็นนักสร้างปาฏิหาริย์ได้ หากเราเข้าใจว่าเรามีศักยภาพที่ยิ่งใหญ่อยู่ในตัวของเราเอง ในแง่หนึ่งหนังสือเล่มนี้คือความฝัน แต่อีกแง่หนึ่งมันคือความจริง ถ้าชีวิตผมมีไดอารี่ หน้าตาของมันคงไม่น่าจะต่างจากนี้สักเท่าไหร่ งานเขียนทุกบทบันทึกเค้าโครงชีวิตในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาไว้ได้อย่างเห็นภาพ นี่คือช่วงเวลาที่เข้มข้นที่สุดช่วงหนึ่งของชีวิต ในขณะเดียวกันก็เป็นช่วงเวลาที่ได้เรียนรู้ที่จะสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับชีวิตเช่นกัน ผมมีความสุขและความพึงพอใจอย่างมากที่จะเล่าเรื่องราวแห่งอดีตเหล่านี้ ดังเช่นกวีมีความสุขในการอ่านโคลงกลอนที่เขารักที่สุด ในแง่หนึ่งหนังสือเล่มนี้เป็นสมุดบันทึกเคล็ดลับความสำเร็จในการสร้างชีวิตที่เปี่ยมความหมาย ในอีกแง่หนึ่งหนังสือเล่มนี้คือคู่มือสำหรับชีวิตหลังการประสบความสำเร็จว่าเราจะต้องเจออะไร ให้เวลากับสิ่งใด และเราควรจะใช้ชีวิตหลังเส้นชัยอย่างไร วันหนึ่งมี 24 ชั่วโมง เดือนหนึ่งมี 30 วัน ปีหนึ่งมี 12 เดือน ชีวิตคนเราอาจอยู่ได้เฉลี่ย 70 กว่าปีขึ้นไป เมื่อผ่านมาเกือบครึ่งชีวิต สิ่งที่น่าเศร้าคือเราเพิ่งรู้ตัวว่าเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่องมาเนิ่นนานขนาดไหน แต่ข่าวดีคือเราจะไม่เสียเวลากับเรื่องเหล่านั้นอีกต่อไปแล้ว ข่าวดียิ่งกว่านั้นคือเรารู้แล้วว่าเราจะสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับชีวิตในเวลาที่ยังเหลืออยู่ได้อย่างไร หนึ่งวันของแต่ละคนสั้นยาวไม่เท่ากัน ที่ว่าไม่เท่ากันก็เพราะบางคนใช้เวลาไปกับชีวิตของตัวเองและบางคนใช้เวลาไปกับชีวิตของคนอื่นแต่หนังสือเล่มนี้จะชี้ให้คุณเห็นหนทางในการใช้เวลาแต่ละวันเพื่อชีวิตของผู้อื่น หากความมืดซ่อนบังต้นไม้และดอกไม้จากดวงตาของเรา มันจะไม่ซ่อนบังความรักความเมตตาจากดวงใจของเรา คนทั้งหลายจะไม่เชื่อคำบอกเล่าของเราเพราะเขาไม่รู้ว่าความรักความเมตตาเป็นเมล็ดพันธุ์ ซึ่งสามารถเติบโตและขยายกิ่งก้านได้โดยไม่ต้องพึ่งฤดูกาล...ด้วยความเข้าใจนี้ หนังสือเล่มนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างปาฏิหาริย์ให้กับชีวิตของคุณ ให้คุณได้เป็นThe Miracle Makerให้กับชีวิตผู้อื่น เชื่อผมครับ คุณทำได้!