หม้อกาแฟ Bialetti รุ่น Dama Stove Top Espresso 6 cup
- ผลิตจากอลูมิเนียม น้ำหนักเบา นำความร้อนได้ดี
- ด้ามจับเป็นซิลิโคนทนความร้อน และไม่ติดไฟ
- ใช้ได้กับเตาแก๊สและเตาไฟฟ้า
เป็นบาริสต้า ชงกาแฟสด แก้วโปรดเองได้อย่างสะดวกสบายทุกวันด้วยหม้อต้มกาแฟแบบ moka pot จากอิตาลี
แบรนด์ Bialetti ถือได้ว่าเป็นต้นกำเนิดการชงกาแฟแบบ moka pot วัสดุ เป็น Food grade ได้รับการรับรอง มีความปลอดภัย และทนทาน สามารถต้มกาแฟได้ทุกที่ ใช้ได้ทั้งเตาแก๊ส เตาไฟฟ้า สะดวกพกพา ใช้ในบ้าน คอนโด ที่ทำงาน ปิคนิค ตั้งแคมป์ ดื่มด่ำกับกาแฟแก้วโปรดได้ทุกที
:::ถ้าได้ศึกษาเรื่องกาแฟ การ ได้กาแฟ สักแก้วหนึ่ง สามารถชงได้มากกว่าหนึ่งวิธี:::

อาจจะคิดว่า กาแฟสด ต้องใช้เครื่องชงเท่านั้น จริงๆการชงกาแฟสด มีหลายวิธีมาก แต่ละวีธีการชงก็จะมีรสชาติแตกต่างกัน

Moka pot ก็เป็นการชงกาแฟ ที่มี รสชาติ เอกลักษณ์เป็นสไตล์ แบบ Moka ใช้การบดเมล็ดกาแฟให้หยาบกว่า เครื่องชง(Espresso machine) นิดหนึ่งค่ะ

- หม้อต้ม Moka pot เป็นที่นิยมมากในประเทศ อิตาลี รวมถึงประเทศอื่นๆ
เลือกให้เหมาะกับ การดื่มกาแฟของคนไทย ต่อแก้ว ประมาณ 3 cup (น้ำกาแฟ 1 cup ประมาณ 30-40มิลลิลิตร)


ก่อนการใช้งานครั้งแรก ล้างให้สะอาดด้วยน้ำเปล่า และใส่น้ำเปล่าไม่เกินใต้วาวล์โดยไม่ต้องใส่กาแฟ ต้มน้ำเปล่าทิ้งก่อน และต้มกาแฟทิ้งอย่างน้อย 3 ครั้ง เนื่องจากเป็นการต้มที่จำเป็นต้องทำเพื่อเพิ่มกลิ่นหอมของกาแฟให้ถึงที่สุด

ขั้นตอนการชงกาแฟ moka pot
- ใช้เมล็ดกาแฟ ที่คั่วแล้ว นิยมใช้คั่วกลาง และเข้ม
- บดเมล็ดกาแฟใหม่ ด้วยเครื่องบด ปรับบดไม่ละเอียดมาก เมล็ดกาแฟหยาบประมาณน้ำตาลทราย
- เติมน้ำอุณหภูมิห้องที่ตัวฐานหม้อต้มอลูมิเนียมส่วนล่าง ให้อยู่ระดับใต้วาวล์ ไม่เกินวาวล์นิรภัย
- ใส่ผงเมล็ดกาแฟบดแล้วที่กรวย ไม่ต้องอัดจนแน่นนะคะ ปาดให้เรียบ เช็ดขอบๆให้สะอาด
- หมุนประกอบ ส่วนบน ที่เป็นอลูมิเนียมเข้ากับส่วนล่าง ให้แน่น
-วางบนเตาแก๊ส หรือเตาไฟฟ้า สังเกตุให้วาวล์นิรภัยไม่หันไปทางผู้ใช้ และปรับระดับความร้อนไฟปานกลาง ไม่แรงเกินขอบหม้อต้ม
- เมื่อกาแฟขึ้นมาด้านบนหมด (สังเกตุ ฟองอากาศใหญ่ น้ำไม่มีดันออกมา) ยกออกจากเตา พร้อมเสิร์ฟ

การทำความสะอาด และบำรุงรักษา
-รอให้หม้อต้มเย็นสนิท ล้างด้วยน้ำเปล่าไม่ใช้น้ำยาล้างจาน และไม่ใช้วัสดุใดๆขัดถู
ห้ามใช้กับเครื่องล้างจาน
-เช็ดให้แห้ง เพื่อไม่ให้เกิดคราบไม่สวยงาม

ทำการขจัดตะกรันเป็นระยะๆ
1. เติมน้ำลงในหม้อต้มส่วนล่างให้ถึงระดับใต้วาล์ว
2. เติมกรดซิตริก หรือ น้ำส้มสายชูสองช้อนชา
3. ประกอบหม้อต้มเข้าด้วยกัน และทำการต้มหนึ่งครั้งโดยไม่ต้องใส่ผงกาแฟ
4. เทน้ำที่ต้มทิ้งไป
5. ล้างหม้อต้มกาแฟโดยให้น้ำไหลผ่าน และทำการต้มกาแฟตามปกติ

ตรวจสอบเป็นระยะๆ ว่าแผ่นกรองกาแฟ ไม่อุดตัน หากพบว่ามีการอุดตันให้ล้างรูด้วยแปรงที่มีขนนุ่มๆ หรือใช้ปลายแหลมของเข็ม หากพบว่ามีการสึกหรอ หรือชำรุด ให้เปลี่ยนชิ้นส่วนโดยการใช้อะไหล่แท้ของ Bialetti ที่เหมาะกับรุ่นที่ใช้เท่านั้น

เปลี่ยนซีลยาง เมื่อสึกหรอ แนะนำให้เปลี่ยนอย่างน้อยปีละครั้ง

การรับประกัน
มีการรับประกันผลิตภัณฑ์ 14 วัน นับจากวันที่ซื้อ ภายใต้เงื่อนไขการใช้งานตามคำแนะนำ และในคู่มือ
การรับประกันไม่ครอบคลุมถึง:
-ส่วนประกอบที่เปลี่ยนได้ (แผ่นกรองกาแฟ กรวยกรอง ซีลยาง และหูจับ) ยกเว้นข้อบกพร่องที่มีมาแต่แรก
-ความชำรุด หรือ ข้อบกพร่องที่เกิดจากการใช้งานที่ไม่เหมาะสมหรือที่ไม่เป็นไปตามคำแนะนำ
-ความชำรุด และ/หรือ ข้อบกพร่องที่เกิดจากการใช้อะไหล่ที่เข้ากันไม่ได้
-ความเสียหายอันเนื่องมาจากการกระแทก ทำตก และคราบตะกรัน






หลักการทำงาน moka Express
- เป็นหลักการของน้ำร้อนเริ่มเดือดที่อุณหภูมิ ประมาณ 80-100 องศาเซลเซียส เกิดเเรงดันอากาศ


ดันน้ำร้อนด้านล่าง ไหลผ่านกรวยกรองที่ใส่เมล็ดกาแฟบด ดันน้ำขึ้นไปผ่านตัวกรอง(filter) น้ำกาแฟที่ได้จะอยู่ที่หม้อต้มส่วนบนสุด


ภายในกล่อง หม้อต้ม Bialetti + มีคู่มือ บอกขั้นตอนการใช้งาน



:::ถ้าได้ศึกษาเรื่องกาแฟ การ ได้กาแฟ สักแก้วหนึ่ง สามารถชงได้มากกว่าหนึ่งวิธี:::
อาจจะคิดว่า กาแฟสด ต้องใช้เครื่องชงเท่านั้น จริงๆการชงกาแฟสด มีหลายวิธีมาก แต่ละวีธีการชงก็จะมีรสชาติแตกต่างกัน
Moka pot ก็เป็นการชงกาแฟ ที่มี รสชาติ เอกลักษณ์เป็นสไตล์ แบบ Moka ใช้การบดเมล็ดกาแฟให้หยาบกว่า เครื่องชง(Espresso machine) นิดหนึ่งค่ะ การชง Moka pot ก็ง่ายแสนง่าย คือเอาเมล็ดกาแฟที่บดแล้ว ใส่ไปที่กรวยแล้ว เติมน้ำ ประกอบหม้อต้ม เอาไปตั้งบนเตา รอประมาณ 4-5 นาที น้ำร้อนจากก้นหม้อจะดันนำ้กาแฟสดขึ้นมาเราก็สามารถนำกาแฟที่ได้ไป ทำ ร้อนเย็น โดยเมนู ยอดนิยมก็ตามนี้ค่ะ
1.เอสเปรสโซ่ (กาแฟเข้มข้น ไม่ผสมอะไรเลย เป็นตัวตั้งต้นของทุกเมนู)
2.อเมริกาโน่ (เอสเปรสโซ่+น้ำร้อน)
3.คาปูชิโน่ (เอสเปรสโซ่ + นมน้อย + ฟองนมหนาๆ)
4.ลาเต้ (เอสเปรสโซ่ + นมมาก + ฟองนมบางๆ)
5.มอคค่า (เอสเปรสโซ่ + นมมาก+โกโก้)


1.เอสเปรสโซ่ (กาแฟเข้มข้น ไม่ผสมอะไรเลย เป็นตัวตั้งต้นของทุกเมนู)
2.อเมริกาโน่ (เอสเปรสโซ่+น้ำร้อน)
3.คาปูชิโน่ (เอสเปรสโซ่ + นมน้อย + ฟองนมหนาๆ)

4.ลาเต้ (เอสเปรสโซ่ + นมมาก + ฟองนมบางๆ)
5.มอคค่า (เอสเปรสโซ่ + นมมาก+โกโก้)