พระปิดตา "กลั๋วเผาะ" สุดยอดแห่งเมตตามาหาเสน่ห์ หลวงพ่อชู กัณตวีโร สำนักสงฆ์หินเหล็กไฟ จ.สุรินทร์ ลองอ่านรายละเอียดดูครับ
ข้อมูลสินค้า
ราคา
5,000.00 บาท
ร้านค้า
พระปิดตากั่วเผาะ 2528
ประวัติ เมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา มีพระสงฆ์รูปหนึ่งอยู่ในป่า ท่านอยู่เพียงรูปเดียวกระท่อมเล็กๆที่หมู่บ้านหิน เหล็ก ไฟ ต.กะโพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ หมู่บ้านกะโพ ที่ท่านจำพรรษาอยู่นั้น อยู่ลึกเข้าไปในป่า เป็นหมู่บ้านของชาวขอทาน ซึ่งเป็นหมู่บ้านของคนที่มีวิชาอาคม และเป็นหมู่บ้านที่มีช้าง ซึ่งมีชื่อเสียงมากของประเทศไทย หลวงพ่อรูปนี้ท่านมีของดีอย่างหนึ่งที่เรียกว่า"กั่วเผาะ"เป็นสุดยอดทางด้านเมตตามหานิยม "ท่านทำมาจากของดีที่หาได้ยาก คนไปเอาของดีชนิดนี้ ดีไม่ดี ตายเอาได้ง่ายๆ" "กั่วเผาะ" มันคือสุดยอดของเครื่องรางทางด้านเมตตามหานิยมที่มีต้นกำเนิดทางอีสานใต้ หาคนทำได้ยากที่สุด เพราะถ้าคนทำไม่เก่งจริง มีแต่ตายลูกเดียว คนที่จะทำ"กั่วเผาะ"ได้ จะต้องเสี่ยงกับความตายโดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน พระอาจารย์รูปนี้ ท่านปลูกกระท่อมอยู่รูปเดียวในหมู่บ้านหินเหล็กไฟ ที่อยู่ลึกไปจาก ต.กะโพ อีก 10 กว่ากิโลเมตร ท่านชื่อ "หลวงพ่อชู กันตะวีโร" เมื่อประมาณปี 2527 คือ 20 ปีที่แล้ว ท่านเพิ่งบวชได้เพียง 7 พรรษา อายุเพียง 56 ปีเท่านั้น ยังเป็นพระสงฆ์ที่หนุ่มแน่นอยู่มาก ก่อนที่ท่านจะมาบวชพระ ท่านเคยเป็น "ณุ เฒ่า"มาก่อน "ณุ เฒ่า" คือหมอไสยศาสตร์ หรือคนที่มีวิชาอาคมเก่งกล้า เป็นอาจารย์ของพวกส่วยที่เลี้ยงช้าง ท่านเป็น"ณุ เฒ่า"มาตั้งแต่หนุ่มๆ ชาวบ้าน และลูกศิษย์ของท่าน เรียกท่านว่า "จอมพลสวัสดิ์ 2" เพราะท่านมีเมียมีลูกมาก จนจำไม่ได้ว่าลูกคนไหน แม่คนไหน เพราะมีมากเหลือเกิน ชาวบ้านแถวนั้นเล่าว่า......หลวงพ่อชูสมัยที่ท่านเป็นฆราวาส ท่านเป็นหมอไสยศาสตร์ที่เก่งกาจมาก จะหาคนเท่าเทียมได้ยาก นอกจากท่านจะเก่งกาจในเรื่องช้างแล้ว ท่านยังเชี่ยวชาญเรื่องการทำเสน่ห์ยาแฝดอีกด้วย วัตถุที่ท่านนำมาทำเป็น "กั่วเผาะ"คือ "น้ำมันช้างตกมัน" (ตามภาษาส่วยเรียกว่า"กั่วเผาะ" ถ้าเรียกตามภาษากลางกลาง"กั่วเผาะ"ก็คือ"สีผึ้ง" นั่นเอง) สีผึ้งของหลวงพ่อชู ท่านจะผสม น้ำมันของช้างที่กำลังตกมัน ซึ่งเจ้าของต้องตีปลอกล่ามโซ่ไว้ เพื่อป้องกันมันไปกระทืบคน เพราะเวลาที่ช้างตกมัน เป็นเวลาที่มีอารมณ์รุนแรง โดยเฉพาะอารมณ์ทางเพศจะรุนแรงมาก และน้ำมันที่ไหลออกมาจากขมับทั้งซ้ายและขวา จะเป็นวัตถุอาถรรพณ์ที่แรงและมีพลังอำนาจมากๆ และท่านยังเอาว่าน และวัตถุอาถรรพณ์ต่างๆ เช่นสีผึ้งตามท่ารถ ท่าเรือ 7 ท่า มาผสมและว่านมงคลต่างๆ และสิ่งสุดท้ายที่ท่านผสมคือ น้ำมันช้างตกมันนั่นเอง หลวงพ่อชู ท่านเล่าว่า น้ำมันช้างตกมันเป็นของอาถรรพณ์ที่หายาก มีผลทางเสน่ห์มหานิยมมากที่สุด เมื่อไปเอามาได้แล้วต้องผสมลงในสีผึ้งทันที่เพราะเป็นน้ำมันที่ระเหยเร็วมาก จากนั้นจึงนำมาทำพิธีปลุกเสกและแจกจ่ายให้ผู้ที่มาขอให้ท่านช่วยเหลือเพียงคนละเล็กละน้อยเท่านั้น หลวงพ่อชูท่านยังกล่าวอีกว่า "กั่วเผาะ"ที่ท่านทำขึ้นนั้น ใช้ได้ผลดีมากๆ ไม่ว่าจะเป็นให้ผัวเมียรักกัน หรือ ให้ผัวกลับมารักเมีย หลงเมีย เลิกจากเมียน้อย ท่านก็ทำได้ทั้งนั้น แต่วิชานี้เป็นวิชามาร ทำไปมากๆเข้า มารก็มาสิงในตัวท่าน ผู้หญิงที่มาหาท่านให้ท่านลงของหรือทำของให้ ท่านก็จะเอาทำเมียหมด เมื่อทำเข้าบ่อยครั้งเข้า ท่านก็สำนึกได้ว่านั่นคือ "นรก" ท่านจึงตั้งใจจะบวชสักพรรษาหนึ่ง เพื่อจะฝึกจิตให้แข็งกว่ามาร จะได้เลิกทำชั่ว เมื่อบวชแล้ว ท่านจึงรู้ว่าสิ่งที่ท่านเคยได้ทำไปในอดีตมันก็คือนรกดีๆนี่เอง ท่านจึงบวชไม่ยอมสึกและมาปลูกกระท่อมอยู่กลางป่าในหมู่บ้านหินเหล็กไฟ