Book Bazaar พระสารีบุตร***หนังสือสภาพไม่ 100% ปกอาจมีรอยพับ ยับ เก่า แต่เนื้อหาอ่านได้สมบูรณ์
ข้อมูลสินค้า
ราคา
139.00 70.00 บาท
ขายแล้ว
18 ชิ้น
แบรนด์
อมรินทร์ ธรรมะ
ร้านค้า
***หนังสือสภาพไม่ 100% ปกอาจมีรอยพับ ยับ เก่าตามกาลเวลา แต่เนื้อหาสามารถอ่านได้สมบูรณ์***
พระสารีบุตร
ผู้เขียน: นทธัญ แสงไชย
สำนักพิมพ์: อมรินทร์ธรรมะ
ในสมัยพุทธกาล ไม่ไกลจากกรุงราชคฤห์มากนัก มีหมู่บ้านแห่งหนึ่ง อุปติสสคาม ตำบลนาลกะ ที่นั่นมีครอบครัวพราหมณ์อยู่ตระกูลหนึ่ง บิดาท่านชื่อ วังคันตพราหมณ์ ผู้เป็นมารดามีนามว่า นางสารีพราหมณี
วันหนึ่งนางสารีพราหมณีได้คลอดบุตร 1 คน ครั้นเวลาล่วงไป 10 เดือนจนถึงวันตั้งชื่อ เหล่าญาติได้ตั้งชือบุตรของนางสารีพราหมณีผู้นี้ว่า อุปติสสะ ด้วยความที่เป็นบุตรของหัวหน้าตระกูลในหมู่บ้านอุปติสสคามแห่งนี้
ไม่ห่างจากอุปติสสคามมีหมู่บ้านอีกแห่งหนึ่งชื่อว่า โกลิตคาม ตั้งอยู่ไม่ไกลจากกรุงราชคฤห์เช่าเดียวกัน มีนางพราหมณีอีกผู้หนึ่งนามว่า นางโมคคัลลีพราหมณี ก็คลอดบุตร 1 คน เช่นเดียวกัน ในวันตั้งชื่อ เหล่าญาติตั้งชื่อว่า โกลิตะ เนื่องด้วยตระกูลนี้เป็นหัวหน้าของหมู่บ้านโกลิตคาม
ความในอรรถกถากกล่าวว่าทั้งสองตระกูลนี้ผูกพันเป็นสหายกันมาแล้วกว่า 7 ชั่วอายุคน เมื่อให้กำเนิดบุตรพร้อมๆกัน สองตระกูลก็เลี้ยงดูกุมารทั้งสองเป็นอย่างดี มีแม่นม 66 คนคอยเลี้ยงดูสองกุมารให้เติบใหญ่ ครั้งทั้งสองคนเจริญวัยก็ได้เรียนรู้ศาสตร์ต่างๆ จนสำเร็จทั้งสิน
อุปติสสะและโกลิตะต่างใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย ไม่ว่าจะเดินทางไปยังแม่น้ำหรือไปเที่ยวเล่นที่อุทยาน ก็จะมีวอทอง 500 หลังแห่แหนอุปติสสะ และมีรถเทียมม้าอีก 500 คันเป็นเครื่องแห่แหนโกลิตะ อีกทั้งยังมีมาณพหนุ่มเป็นบริวารอีกคนละ 55
ตามปกติแล้วในกรุงราชคฤห์จะมีมหรสพบนยอดเขาเป็นประจำทุกปี ทั้งอุปติสสะและโกลิตะก็ไปร่วมชมมหรสพเป็นประจำ เกิดความร่าเริงเมื่อควรร่าเริง เกิดความสังเวชเมื่อควรสังเวช มีการตกรางวัลเมื่อควรตกรางวัล
วันหนึ่งเมื่อมาณพทั้งสองเดินทางมาดูมหรสพตามธรรมเนียมปกติ แต่กลับเกิดความเบื่อหน่ายไม่มีความยินดีร่าเริงหรือสังเวชตามที่สมควรจะเป็นเหมือนทุกครั้ง กาลนั้นทั้งสองกลับเกิดความคิดเหมือนกันว่า การมองดูมหรสพแห่งนี้ไม่มีแก่นสารอันใดเลย เมื่อคิดดูแล้วผู้แสดงมหรสพเหล่านี้ทุกคนล้วนต้องตายเมื่ออายุได้ไม่ถึง 100 ปีทั้งนั้น เราทั้งสองก็เช่นกัน ดังนั้นแล้วเราควรจะแสวงหาโมกขธรรมเสียดีกว่า
ทั้งสองจึงหารือกันว่า การมาดูมหรสพอย่างนี้เป็นการเสียเวลาและเมื่อเราทั้งคู่ตั้งใจจะเสาะแสวงหาโมกขธรรมเครื่องหลุดพ้นแล้วก็ควรจะออกบวชเสียอย่างใดอย่างหนึ่ง
ในขณะนั้นพระพุทธเจ้ายังไม่ตรัสรู้ธรรมและประกาศศาสนาอุปติสสะและโกลิตะพิจารณาดูก็เห็นว่ามีสำนักปฏิบัติของสัญชัยปริพาชกตั้งอยู่ในกรุงราชคฤห์ มีผู้เลื่อมใสออกบวชในสำนักเป็นอันมาก จึงตกลงกันออกบวชในสำนักของสัญชัยปริพาชกพร้อมกับมาณพผู้ติดตามอีก 500 คน
เวลาผ่านไปเพียง 2-3 วัน อุปติสสะและโกลิตะก็เรียนรู้วิชาจากสำนักของสัญชัยปริพาชกจนหมดสิ้น ครั้นไปถามท่านอาจารย์สัญชัยก็ได้ความว่า ความรู้ของสำนักนี้มีเพียงเท่านี้เจริงๆ ทั้งสองฟังแล้วก็คิดว่า นี้ไม่ใช่โมกธรรมเพื่อความหลุดพ้น จะอยู่รั้งที่นี่ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ จึงออกจากสำนักเดินทางไปทั่วชมพูทวีป เมื่อได้ยินว่ามีผู้ใดเป็นบัณฑิตก็จะไปสนทนาถามปัญหา แต่กลับไม่มีผู้ใดแก้ปัญหาของทั้งสองได้เลย