กระบองเพชร แคคตัส ยิมโนด่าง (Gymnocalycium) อยู่ในกระถาง 3 นิ้ว พร้อมส่ง
ข้อมูลสินค้า
ราคา
169.00 บาท
แบรนด์
No Brand
ร้านค้า
ยิมโนด่าง (Gymnocalycium) เป็นอีกหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มคนปลูกเลี้ยงและขยายพันธุ์ต้นกระบองเพชรสายพันธุ์นี้ เนื่องจากว่าเป็นสายพันธุ์ที่ทนต่อสภาพอากาศที่แห้งแล้งได้ดี ในลำต้นมีคลอโรฟิลด์ที่ช่วยในการสังเคราะห์แสงน้อย ส่งผลให้ลำต้นมีสีสันที่แตกต่างจากต้นกระบองเพชรยิมโนสีเขียว รวมทั้งการเจริญเติบโตของต้นกระบองเพชรสายพันธุ์นี้จะช้ากว่าต้นกระบองเพชรทั่วไปรวมทั้งวิธีการปลูกเลี้ยง การดูแลรักษาต้นกระบองเพชรยิมโนด่างก็จะแตกต่างกันไปด้วย อย่างเช่น ต้นกระบองเพชรยิมโนด่างต้องการนำในปริมาณที่มากกว่าต้นกระบองเพชรตระกูลอื่น
แสงแดด
“ยิมโนคาไลเซียม (Gymnocalycium)” ต้องการแสงแดดทั้งวัน หรืออย่างน้อยๆ ครึ่งวันเช้า ไม่ควรรับแดดโดยตรงเพราะจะทำให้ผิวเป็นแผลหรือมีรอยไหม้ ซึ่งจะทำให้ไม้ไม่สวย ดังนั้นควรจะเลี้ยงไว้ในโรงเรือน ที่ๆ โดนแดดแบบรำไร หรือจะใช้สแลน 60% เพื่อกรองความเข้มของแสงแดดจะดีที่สุด
การรดน้ำ
ควรจะรดนำ้ “ยิมโนคาไลเซียม (Gymnocalycium)” ก็ต่อเมื่อดินแห้ง โดยวิธีการสังเกตุว่าดินแห้งไหม หากเลี้ยงไม้ไม่มากก็ใช้วิธีการนำไม้จิ้มฟันหรือไม้ลูกชิ้นจิ้มลงไปในดินแล้วดึงขึ้นมาดูว่ามีเศษดินติดขึ้นมาไหม หากมีแปลว่าดินยังชื้นก็ยังไม่ต้องรด แต่หากไม่มีดินติดขึ้นมาแปลว่าถึงเวลารดน้ำ ในการรดน้ำมีมือใหม่หลายท่านที่เข้าใจผิดใช้ฟอกกี้ (กระบอกฉีดน้ำ) ฉีดเข้าไปที่ลำต้น เพราะคิดว่าแคคตัสต้องการน้ำน้อย เป็นความเข้าใจที่ผิด ในความเป็นจริงแล้วแคคตัสต้องการน้ำปริมาณที่เหมาะสม ดังนั้นต้องรดให้น้ำไหลทะลุก้นกระถางเพื่อให้รากได้รับน้ำอย่างเพียงพอ เพื่อนำไปใช้ในการเจริญเติบโตต่อไปครับ
ดินที่ปลูก
ดินที่ใช้ปลูกก็เป็นปัจจัยสำคัญในการเลี้ยงแคคตัสทุกสายพันธุ์ สำหรับ “ยิมโนคาไลเซียม (Gymnocalycium)” นั้นต้องการดินที่มีสารอาหารเพียงพอ ระบายน้ำได้ดีและดินต้องไม่แน่นเกินไป จนทำให้รากของต้นไม้ไม่สามารถขยายลงไปก้นกระถางได้ ดังนั้นวัสดุปลูกต้องต้องโปร่ง โดยส่วนใหญ่ที่คนปลูกจะนิยมใช้กันคือ รองก้นกระถางด้วย หินภูเขาไฟ/ถ่านหุงต้มที่ทุบให้เล็กๆ ดินแคคตัสที่มีส่วนผสมหินภูเขาไฟขนาดเล็ก, ดินใบกล้ามปู, เพอร์ไรท์, ทรายหยาบ, ปุ๋ยออสโมโค้ท และสตาร์เกิลจี โดยสัดส่วนและสูตรดินนั้นสามารถปรับเปลี่ยนไปตามการเลี้ยงของแต่ละคนได้ วัสดุก็สามารถปรับเปลี่ยนตามของที่หาได้ในแต่ละพื้นที่ด้วย แต่ไม่ว่าจะใช้สูตรไหนก็ขอให้ดินระบายน้ำได้ดีไว้ก่อน จะได้ไม่อุ้มน้ำมากจนเกินไป