ในโลกนี้มีหน่อไม้ฝรั่งอยู่ 2 สี คือ สีเขียว และม่วง สีม่วงเป็นสายพันธุ์ที่มีการปรับปรุงเรื่องสีสัน แต่รสชาติยังคงเป็นหน่อไม้ฝรั่ง หน่อไม้ฝรั่งสีม่วงจะมีหน่อสีม่วงเพียงช่วงระยะเวลาที่เก็บเกี่ยวเท่านั้น ถ้าปล่อยไว้จนต้นโตเรื่อยๆ มันก็จะกลายเป็นต้นสีเขียวเหมือนหน่อไม้ฝรั่งทั่วไป กล่าวง่ายๆ คือ จะม่วงแค่ช่วงที่เป็นระยะ ...
หน่อไม้ฝรั่งสีม่วงมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการอักเสบ และต้านการเกิดโรคมะเร็งได้ นอกจากจะมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงแล้วหน่อไม้ฝรั่งสีม่วงยังมีสรรพคุณอื่นๆ อีกหลายด้าน เช่น มีคุณสมบัติในการขับปัสสาวะ เป็นยาระบายที่ช่วยล้างสารพิษออกจากร่างกาย ช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ปวดในช่วงมีประจำเดือน อุดมไปด้วยโปรตีน โพแทสเซียม วิตามิน A C และ K และยังมีระดับคาร์โบไฮเดรต และแคลอรี่ต่ำอีกด้วย ความแตกต่างระหว่างหน่อไม้ฝรั่งสีเขียวและม่วง คือ สีม่วงจะมีเส้นใยน้อยกว่าสีเขียว ทำให้รสสัมผัสเนื้อจะละมุนกว่า และรสชาติจะอ่อนขมน้อยกว่าสีเขียว
หน่อไม้ฝรั่งสีม่วงจะเป็นไม้แยกเพศ ต้นตัวเมียจะติดผลเบอรี่สีแดง ซึ่งภายในจะบรรจุเมล็ดพันธุ์สามารถนำไปขยายพันธุ์ต่อได้ ถ้าต้นตัวผู้จะไม่ติดผล แต่สามารถผลิตหน่อไม้ได้เรื่อยๆ ตามปกติ แค่ขยายพันธุ์ต่อไม่ได้เท่านั้น ตามข้อมูลที่หาได้หน่อไม้ฝรั่งต้นตัวผู้จะผลิตหน่อที่ใหญ่ และให้จำนวนหน่อมากกว่าต้นตัวเมีย ในระบบเกษตรกรรมจะนิยมปลูกเพื่อการค้าหน่อ สำหรับรากและเมล็ดพันธุ์ที่ทางร้านขายนั้นไม่สามารถแยกเพศของต้นนั้นๆ ได้ การแยกเพศของต้นหน่อไม้ฝรั่งจะดูได้จากการติดผลเท่านั้น และหน่อไม้ฝรั่งสีม่วงจะม่วงแค่ช่วงที่เป็นหน่อไม้อ่อนที่ใช้ทาน ไม่ใช่ม่วงตลอด ถ้าปล่อยทิ้งให้โตมันก็เป็นต้นสีเขียว
วิธีการปลูกหน่อไม้ฝรั่ง อ่านได้ที่
http://www.vegetweb.com/wp-con…/download/white-Asparagus.pdf
http://www.vegetweb.com/%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%B8%…/
Credit Picture: http://eat-spin-run-repeat.com/…/uploa…/2012/05/IMG_3987.jpg