ตะกรุดพระปัจเจกพุทธเจ้า หลวงปู่ผาด วัดไร่ จ.อ่างทอง
เนื้อตะกั่วลงถมพอกผงวิเศษ ลงรักอย่างดี ปิดทองคำแท้ งานฝีมือประณีตสวย ขลังด้วยพุทธคุณไปช่วยให้ชีวิตดีขึ้น ขนาดความยาว 4 ซ.ม.
ตะกรุดพระปัจเจกพุทธเจ้า อุดมโชค โภคทรัพย์ นับแบงค์
ตำราปัจเจกพุทธเจ้า หลวงปู่ผาดได้มาเมื่อคราว "หลวงพ่อปาน" วัดบางนมโค ธุดงค์ไปหาหลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง จ.ภูเก็ต ระหว่างทาง ผ่านจังหวัดนครศรีธรรมราช พบ "ครูผึ้ง" ฆราวาสผู้ปรารถนาจะเป็น พระปัจเจกพุทธเจ้าในอนาคตรออยู่ และมอบพระคาถาปัจเจกพุทธเจ้าให้
หลวงปู่ผาดบอกกับศิษย์ตั้งแต่นั้นมา จึงได้รู้ว่าพระคุณของพระปัจเจกพุทธเจ้านั้นมากมายหนักหนา เรื่องเมตตา มหาโภคทรัพย์นั้นต้องบอกว่า ใหญ่ยิ่งกว่าใหญ่ เรื่องอดอยากปากหมองเป็นปิดประตู เรื่องหากินลำบากฝืดเคือง ไม่ต้องคิด หาน้อยได้มาก หามากได้มาก ทรัพย์สินเงินทองเฟื่องฟูขจรขจาย กินไม่ขาดปาก ใช้ไม่หมดไม่พร่อง โภคทรัพย์หลั่งไหลมาสู่บ้านเรือนผู้บูชานานัปการทั้ง 8 ทิศ อุดมสมบูรณ์ พูนเพิ่มเติมเต็มตลอดเวลา เงินทองไม่ขาดมือ ข้าวไม่ขาดยุ้ง บริวารไม่ขาดเรือน ทรัพย์สมบัติเพิ่มพูนมั่งคั่งดีนัก ดุจมีเทวดาช่วยหาทรัพย์ จึงเหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนไทยปีนี้ ที่ต้องหากินหาใช้ ภายใต้ยุคเศรษฐกิจฝืดเคือง แข่งขันกันสูง หาเงินเข้ายาก แต่เงินออกง่าย รายได้น้อย รายจ่ายมาก ข้าวของแพง ค่าแรงต่ำ ลองเอาวิชาพุทธาคมสู้ดู เพียรให้มาก พยายามให้มาก เอาพุทธคุณช่วยหนุน เอาสังฆคุณช่วยค้ำ ทำงานให้มาก ทำบุญให้มาก บุญต่อบุญ เงินต่อเงิน ได้พระปัจเจกพุทธเจ้าช่วยด้านโภคทรัพย์อีกแรง เป็นแรงหนุนที่มีกำลังมาก บาปต้านทานไม่ได้ กรรมต้านทานไม่อยู่ ตกก็ไม่นาน ต้องทะยานขึ้นสูง ไม่ช้าไม่นาน จะร่ำรวยเป็นเจ้าสัว มหาเศรษฐีในเร็ววัน
พระคาถาปลุกตะกรุด นะโม 3 จบ แล้วว่า.-
อุ อา กะ สะ, อา กะ สะ อุ, กะ สะ อุ อา สะ อุ อา กะ, วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระอิทธิโย พุทธัสสะ มานี มานะ พุทธัสสะ สวาโหม
.......................................
ประวัติหลวงปู่ผาด อภินันโท วัดไร่
หลวงปู่ผาด อภินนฺโท หรือ พระครูมงคลสาธุวัตร แห่งวัดไร่ ต.ศาลเจ้าโรงทอง อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง อายุ ๙๔ ปี ๗๓ พรรษา ท่านเกิดเมื่อวันอาทิตย์ แรม ๑๓ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีมะโรง ตรงกับวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๔๕๙ บิดาชื่อนายเหนี่ยง ทองฟู มารดาชื่อนางแจ๋ว ทองฟู ท่านมีพี่น้องร่วมบิดา-มารดากันเป็นชายทั้งหมด โดยท่านเป็นคนกลาง ในวัยเด็กท่านศึกษาชั้นประถมที่โรงเรียนประชาบาลวัดยางมณี จนจบชั้น ป.๔ ท่านได้รับเมตตาจาก ท่านเจ้าคุณรัตนมุนี อัตทัสสีมหาเถระ วัดชีโพน ซึ่งเป็นเจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยาในสมัยนั้น และเป็นศิษย์ของ หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ รับท่านเข้าไว้เป็นศิษย์ในสำนักเรียนของวัดชีโพน โดยได้ศึกษาพระปริยัติธรรม และกรรมฐานจากพระอาจารย์โดยละเอียดชัดแจ้ง
ต่อมาเมื่อท่านอายุครบบวช จึงได้เข้ารับการอุปสมบท ณ วัดยางมณี เมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๔๘๑ โดยมีหลวงพ่อปลื้ม วัดช้าง เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อชวน วัดยางมณี เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และหลวงพ่อแทน วัดกำแพง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ หลังจากท่านอุปสมบทแล้ว ท่านได้เดินทางมาศึกษาพระปริยัติธรรมที่วัดมหาธาตุ กรุงเทพฯ และศึกษาวิชาธรรมกายจาก หลวงพ่อสด หรือ ท่านเจ้าคุณพระมงคลเทพมุนี วัดปากน้ำภาษีเจริญ ธนบุรี จนท่านบรรลุวิชาเข้าถึงดวงธรรมกาย และได้รับการยืนยันรับรองจากปากหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ว่า “แสงแห่งพระธรรมกายนั้น ถ้าหยุดถูกที่แล้วจะสว่างไสวยิ่งกว่าพระอาทิตย์สักร้อยดวงมารวมกัน ถ้าใครยังไม่เชื่อให้ถามพระจากอ่างทององค์นี้ดู เพราะท่านสำเร็จธรรมกายขั้นสูงสุดแล้ว” พูดพลางหลวงพ่อสดก็ชี้มือมาที่หลวงปู่ผาด ซึ่งขณะนั้นยังเป็นพระหนุ่มอยู่
นอกจากนี้หลวงปู่ผาด ยังเรียนวิชาสำคัญจากพระเกจิสายอ่างทอง เช่น เรียนทำผงวิเศษจากหลวงพ่อภู วัดดอนรัก เรียนทำเบี้ยแก้ เสกปรอท จากหลวงพ่อพัก วัดโบสถ์ เรียนทำตะกรุดโบสถ์ลั่นจากหลวงปู่คำ วัดโพธิ์แก้ว
ในปี พ.ศ. ๒๔๙๕ ท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดไร่ และตั้งสำนักอบรมวิปัสสนากรรมฐานตามแนวทางวิชาธรรมกายของหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ
อย่างไรก็ตาม แม้ทุกวันนี้หลวงปู่จะมีอายุกาลเข้าวัยชราภาพมากแล้ว แต่ท่านก็ยังคงอารมณ์อยู่ในวิปัสสนาญาณชั้นสูงอยู่ทุกขณะจิต ฉันอาหารได้มาก และดี ยังแข็งแรง มีความจำดีเลิศ ไม่หลงลืม ไม่ยินดียินร้ายในสมบัติของโลกทุกชนิด ไม่ยึดติด ไม่สะสม จำวัดกลางศาลาใหญ่ใกล้เมรุเผาศพ เมื่อคราวน้ำท่วมอ่างทองครั้งใหญ่ น้ำเอ่อล้นท่วมทุกที่ แต่ที่ศาลาใหญ่ ที่ท่านจำวัด ซึ่งสูงกว่าพื้นถนนไม่ถึงฟุต สายน้ำกลับวกไปไม่ท่วมถึง เคยมีพระสงฆ์ผู้รู้ทางในบอกไว้ในหมู่นักปฏิบัติหลังจากมากราบหลวงปู่ผาดว่า “พระอรหันต์นั้นหาไม่ยาก ในยุคนี้หาก อยากกราบพระอรหันต์ก็ต้องรีบไปกราบหลวงปู่ผาด ที่วัดไร่ อ่างทองให้ได้เชียว”
ในด้านการปลุกเสกพระเครื่อง เครื่องรางของขลัง หลวงปู่นั่งอธิษฐานจิตแบบลืมตาเสก คือว่าคาถาเป่าไปเรื่อย ๆ ซึ่งผู้รู้บอกว่า การลืมตาเสกเป็นการเสกแบบเปิดโลก แบบเดียวกับ หลวงปู่ดู่ วัดสะแก คือ เปิดหนทางทุกอย่าง เปิดโภคทรัพย์ เปิดทางชีวิต มีอภิญญาจิต คุณวิเศษ ผู้หยั่งรู้วาระจิตคน เล่ากันว่า แม้แต่เทวดา ยังมาฝากตัวเป็นศิษย์และกระแสจิตท่านเทียบเท่า ท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต พระอรหันต์กลางกรุงแห่งวัดเทพศิรินทร์ฯ
หลวงปู่ผาดได้จัดสร้างวัตถุมงคล เพื่อเป็นเครื่องอุปถัมภ์ศิษย์ และเป็นที่ระลึกถึงความเจริญ ความเป็นมงคลมาตั้งแต่ท่านเริ่มมาครองวัดไร่ใหม่ ๆ จนถึงปัจจุบันมีหลายรุ่นที่โด่งดัง และก่อเกิดประสบการณ์อภินิหารมากมาย อาทิ พระพรหมลิขิต พระกริ่งเพชรกลับ พญาครุฑ ตะกรุดพระลักษณ์หน้าทอง พระบรมครูฤาษี ตะกรุดฝนแสนห่า ตะกรุดมหาจักรพรรดิตราธิราช พระพิฆเนศวร หมากทุย พระกริ่งดีดศาลา ตะกรุดหวายรองบาตร เป็นต้น โดยเฉพาะเครื่องรางที่หลวงปู่ผาดท่านปลุกเสกแล้ว โดดเด่น มีประสบการณ์มากมาย ชนิดที่เรียกได้ว่า หนึ่งไม่เป็นสอง รองใครในแผ่นดินสยาม