ลำนำภูกระดึง (เล่มนี้มีรอยชื้นน้ำ) ภาพประกอบ ฝีมือท่านอังคาร สวยงามมาก
ผลงานของ อังคาร กัลยาณพงศ์ (ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ (กวีนิพนธ์) ประจำปี พุทธศักราช ๒๕๓๒ , นักเขียนซีไรต์ จากเรื่อง ปณิธานกวี)
พิมพ์ครั้งที่ 3
ปีที่พิมพ์ พ.ศ.2534
สำนักพิมพ์ ศยาม
จำนวนหน้า 350 หน้า
ลำนำภูกระดึง มีลักษณะเดียวกันกับงานประพันธ์ประเภทนิราศ เพียงแต่ท่านอังคารเรียกขานให้เป็น ‘ลำนำ’ และแทนที่กวีจะคร่ำครวญเพ้อถึงการต้องลาจากนางอันเป็นที่รักตามขนบนิราศโบราณ ก็เปลี่ยนมาคร่ำครวญเพ้อถึงความเสื่อมโทรมของธรรมชาติ ความเสื่อมทรามยุ่งเหยิงของสังคมเมืองกรุง และความตกต่ำทางจิตใจในหมู่มนุษย์ ดำเนินเรื่องด้วยกาพย์กึ่งกลอนจำนวน 100 ชิ้น มีบทไหว้ครูไหว้ทวยเทพต่างๆ สรรใช้ถ้อยคำทั้งขรึมขลังและจับใจ แต่ก็ทันสมัยอยู่ในที
ส.ศิวรักษ์เขียนถึงหนังสือเล่มนี้ในสตรีสาร ฉบับประจำวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2512 มีความลงท้ายว่า “และแม้ ลำนำภูกระดึง จะไม่ใช่งานชั้นยอดเยี่ยม แต่ก็เป็นหลักฐานอันแสดงให้เห็นว่างานเขียนของอิสรชน ย่อมอยู่เหนือมหาชน เหนือนักเขียนสามัญ เหนือมัณฑนศิลป์ด้วยประการทั้งปวง ทั้งนี้ก็เพราะกวี มีชีวิตเพื่อสร้างศิลปะ ให้อมตะตราบฟ้าดินสลาย จนเสร็จสมอุดมคติจึงตาย ไว้แววเกียรติยศวิญญาณเอยฯ”
ท่านอังคารพรรณนาภาพบรรยากาศและถ่ายทอดสภาวะอารมณ์ตั้งแต่นั่งรถจากในเมือง ระหว่างเดินขึ้นภูกระดึง และขากลับลงมา อย่างเข้าใจธรรมชาติใกล้ชิด ทั้งนำเอาชื่อเรียกขานจุดต่างๆ ตามรายทางมาตั้งเป็นชื่อบทย่อยๆ อันได้แก่ เชิงเขา, ปางกกข่า, ซำตาแฮก, ซำบอน, ซำกกกอก, ซำกอซาง, ซำกกหว้า, ซำกกไผ่, ซำกกโดน ไปจนถึงหลังแป อันเป็นยอดแห่งภูเขาทรายสันตัด ยังเคยมีเรื่องเล่าอีกว่าท่านอังคารเป็นคนที่ชื่นชอบและผูกพันกับภูเขา
ตอน ลำนำภูกระดึง ตีพิมพ์ออกมาครั้งแรก คนหนึ่งที่ได้อ่านแล้วประทับใจจนเขียนกลั่นกรองความซาบซึ้งออกมาเป็นงานร้อยแก้วคือเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ข้อเขียนชื่อ ‘ภูกระดึง’ ลงพิมพ์เผยแพร่ในวิทยาสารปริทัศน์ ฉบับที่ 13 ป 3 ปีที่ 23 ประจำวันที่ 5 เมษายน พุทธศักราช 2513