ตะกรุดปลอกลูกปืน บรรจุแร่เหล็กไหล (ครูบาอินถา-วัดยั้งเมิน ) ปี 2557
ตะกรุดปลอกลูกปืน-บรรจุแร่เหล็กไหล-ครูบาอินถา-วัดยั้งเมิน-ปี-2557
ข้อมูลสินค้า
ราคา
1,190.00 บาท
แบรนด์
No Brand
ร้านค้า

ตะกรุดปลอกลูกปืน บรรจุแร่เหล็กไหล (ครูบาอินถา-วัดยั้งเมิน ) ปี 2557

ตะกรุดปลอกกระสุน รุ่นแรก รุ่นเดียว รุ่นสุดท้าย

จัดสร้างเพียง 999 ดอก เท่านั้น

ตะกรุดปลอกลูกปืน ครูบาอินถา วัดยั้งเมิน รุ่นแรก (รุ่นตะกรุดมหาอุทธัง) ตะกรุดปลอกลูกปืนครั้งแรกของภาคเหนือ ครูบาอินถาที่ขึ้นชื่อลือชาว่า พุทธคุณด้านอยู่ยงคงกระพัน มหาอุต แห่งล้านนา และท่านมีเมตตา สร้างขึ้นเพื่อถวายครูบาเป็นการส่วนตัว

ตะกรุดปลอกลูกปืน รุ่นแรก

บรรจุแร่เหล็กไหล ครูบาอินถา วัดยั้งเมิน เชียงใหม่ คณะศิษยานุศิษย์ของหลวงปู่ครูบาอินถา ฐิตธมฺโม

เจ้าอาวาสวัดยั้งเมิน ตำบลยั้งเมิน อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ ได้ขอจัดสร้างวัตถุมงคลตะกรุดปลอกลูกปืน รุ่นแรก (รุ่นตะกรุดมหาอุทธัง)

โดยวัตถุประสงค์ของการจัดสร้างนี้

เพื่อจะนำปัจจัยถวายหลวงปู่ครูบาอินถา ใช้เป็นค่ารักษาพยาบาลครูบา และใช้ตามเจตนารมณ์ของครูบาอินถา อีกทั้งเพื่อให้ศรัทธาทั่วไปได้บูชาวัตถุมงคลนี้ใช้จรรโลงใจในการดำเนินชีวิตแบบวิถีพุทธสืบไป

หลวงปู่ครูบาอินถา จารโค้ดดอกบัว สามยอด (พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์) (เพื่อนำมาทำเป็นโค๊ด) อักขระ มะ คือ ศีล อะ คือ สมาธิ อุ คือ ปัญญา อักขระ ทั้ง 3 นี้ จักได้ใช้ประจำ ไม่เอามาใช้ในตัวใด ตัวหนึ่ง เพราะมีคุณอนันต์

วัตถุมงคลนี้จะตอกโค๊ดที่ครูบามอบให้ และมวลสารที่จะบรรจุตะกรุดปลอกลูกปืน อาทิ เช่น

เหล็กไหลเจ้าป่า เหล็กไหลเจ้าน้ำเงิน เหล็กไหลทองคำ เหล็กไหลน้ำ เหล็กไหลเพลิง เหล็กไหลเงินยวง เหล็กไหลฤๅษี แร่เหล็กน้ำพี้ธรรมชาติ เพชรหน้าทั่ง ข้าวตอกพระร่วง แร่อุกามณี ปรอทกายสิทธิ์ คตดักแด้ ว่านมหามงคลและผ้าจีวรครูบาอินถา(ผืนที่ท่านห่ม) เป็นต้น

มวลสาร ที่ ๑

เหล็กไหลเจ้าป่า เหล็กไหลเจ้าป่าเป็นเหล็กไหลที่มีอิทธิฤทธิ์ใกล้เคียงกับ เหล็กไหลโกฏิปี โดยทั่วไปจะพบเหล็กไหลเจ้าป่าในป่าลึกตามถ้ำที่มี ธารน้ำลอดตลอดสาย และเป็นถ้ำที่มีความเย็นมาก ๆ เหล็กไหล เจ้าป่าจะฝังตัวอยู่ในหินตามถ้ำ มีลักษณะเป็นดอกบัวตูมที่มีรูปพรรณ สัณฐานทั่ว1ไปเป็นสีดำสนิทเหมือนกับนิลหรือยางตังเมที่ข้นจัด

ในการตัดเหล็กไหลเจ้าป่าหากเป็นเหล็กไหลเจ้าป่าชั้นยอดจะมี ลักษณะเฉพาะของการไหลตัวที่คล้ายกับเหล็กไหลโกฏิปี คือมีการยืดตัว คล้ายใยบัวเช่นกัน แต่หากเป็นเหล็กไหลเจ้าป่าชั้นรองลงมา เมื่อ เหล็กไหลเจ้าป่ายืดตัวการยืดตัวของเหล็กไหลเจ้าป่าจะมีลักษณะคล้าย ตังเมข้นๆไหลตัวออกมาจากซอกหิน

หลังจากที่ใช้เทียนอาคมลนแล้วปล่อยให้เหล็กไหลเจ้าป่า หยดตัวลงมาในบาตรบรรจุนํ้าผึ้งที่เตรียมไว้สำหรับรองรับก็จะได้ เหล็กไหลที่มีลักษณะเป็นเม็ดกลม ๆ สีดำสนิท ซึ่งนิยมเรียกเหล็กไหล ชนิดนี้ว่า "พญาสมิงเหล็ก" และเหล็กไหลชนิดนี้มักมีญาณของเจ้าปา เจ้าเขาดูแลรักษาอยู่จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า"เหล็กไหลเจ้าป่า"

ในการตัดเหล็กไหลเจ้าป่าต้องระวังอย่าให้องค์เหล็กไหลตกลงบนพื้นดินอย่างเด็ดขาด เพราะเหล็กไหลจะหายไปทันทีเนื่องจากถูกพวกกายทิพย์นิกายต่างๆ เช่น คนธรรพ์ ยักษ์พญานาคแย่งชิงเอา เหล็กไหลไปเหล็กไหลเจ้าป่ามีอิทธิฤทธิ์เทียบเท่าผู้ที่มีอภิญญา 5 เช่นกัน เข้าข่ายของกายสิทธิ์เเต่พลังอำนาจจะไม่สูงส่งเท่าเหล็กไหลโกฏิปีกล่าวคือ เหล็กไหลโกฏิปีจะมีความเข้มข้นสูงกว่า แต่ก็สามารถเทียบเคียงกันได้ เพราะในบรรดาสายพันธุ์เหล็กไหลนั้น เหล็กไหลเจ้าป่านับว่าเป็น สายพันธุ์ที่ใกล้เคียงกับเหล็กไหลโกฏิปีมากที่สุด ในบรรดาสายพันธุ์ เหล็กไหลจึงจัดเหล็กไหลโกฏิปีเป็นอันดับหนึ่ง และรองลงมาก็คือ เหล็กไหลเจ้าป่านั่นเอง

อิทธิฤทธิ์ของเหล็กไหลเจ้าป่าจึงคล้ายคลึงกับเหล็กไหลโกฏิปี คือ สามารถกินดินปืน กินฟอสฟอรัส ระงับพิษร้อนจากไฟและน้ำกรด ทั้งปวงได้ ทำให้ใม้ขีดจุดไฟไม่ติดทั้ง ๆ ที่หัวไม้ขีดยังแห้ง ๆ ไม่ได้ชื้นแต่อย่างใด อีกทั้งตัวของเหล็กไหลเจ้าป่าเองยังสามารถล่องหนหายตัว จากไปได้ จึงนับได้ว่าเหล็กไหลเจ้าป่าเป็นอีกหนึ่งของศักดื้สิทธิ์ตาม ธรรมชาติที่เป็นรองแค่เหล็กไหลโกฏิปีเท่านั้น

มวลสารที่ ๒

เหล็กไหลเจ้าน้ำเงิน เป็น...นวโลหะ...เป็นหนึ่งในโลหะทั้งเก้า ส่วนผสมพระพุทธรูปสำคัญ หรือพระกริ่งเจ้าน้ำเงิน เชื่อกันว่าเป็นโลหะเรียกเงินได้ เกิดจากหินในป่า แถวเมืองสุพรรณ แร่กายสิทธิ์ หายากที่สุด เด่นด้านมหาอำนาจ บารมี คงกะพัน มหาอุด ( เป็นพระกายสิทธิ์ มีอิทธิฤทธิ์มาก

มวลสารที่ ๓

เหล็กไหลเพชรดำหรือเหล็กไหลทองคำดำ เป็นธาตุเหล็กไหลที่มีแหล่งกำเนิดแปลกๆ แตกต่างจากธาตุเหล็กไหลทั่วๆไป ไม่ต้องไปสังเกตุดูขี้เหล็กไหลตามถ้ำ หรือจุดธูปเสี่ยงทายหน้าปากถ้ำและไม่ต้องล่อด้วยน้ำผึ้ง ท่านคงสงสัยแล้วมาได้อย่างไร ตามหลักวิทยาศาสตร์เบื้องต้น สสารต้องมีตัวตน ต้องการที่อยู่ ไม่สูญหาย สามารถเคลื่อนย้ายได้ ธาตุเหล็กไหลเพชรดำนั้นอยู่ใต้พื้นโลก ผู้ทรงฌาณบารมีสามารถอธิษฐานจิต เรียกให้ขึ้นมาปรากฎบนพื้นผิวดินพื้นที่ราบทั่วไปได้ ครั้งแรกจะอธิษฐานจิตเรียกต้นธาตุหรือองค์แม่ขึ้นมาก่อน แล้วเหล่าบริวารจะตามมาเพิ่มเติมในเวลาจำกัด ต้องรีบเก็บ ที่เก็บไม่ทันจะหายไปใต้พื้นดิน เป็นของคู่บุญของผู้ทรงศีลเท่านั้นที่สามารถ เรื่องแบบนี้ผมเคยได้ยินได้ฟังมาครั้งหนึ่งว่า หลวงพ่อสด วัดปากน้ำภาษีเจริญ เคยได้อธิษฐานจิตใช้วิชชาธรรมกายเรียกแก้วจักรพรรดิ์ขนาดเท่าผลแตงโม ให้ขึ้นมาที่วัดปากน้ำได้ เป็นของสูงส่งมากสามารถเลี้ยงให้ความอุดมสมบูรณ์คนทั้งโลกไม่ให้อดอยากได้ ถ้าจำไม่ผิดได้ตั้งไว้ที่หอวิปัสสนาเดิม2-3 วันมีฟ้าผ่า ลูกแก้วได้หายไปกับสายฟ้า กลับไปอยู่ใต้พื้นดินดังเดิม หลวงพ่อได้บอกลูกศิษย์ว่าเขายังไม่ให้เราได้ครอบครอง เป็นเรื่องทำนองนี้รายละเอียดอาจจะน้อยไปหน่อยเท่าที่จำได้นะครับ สามารถหาอ่านเพิ่มเติมในประวัติหลวงพ่อสดได้ ฉะนั้นธาตุเหล็กไหลเพชรดำหรือทองคำดำถือว่าเป็นธาตุกายสิทธิ์ที่เป็นคู่บุญของผู้มีบารมีธรรม มีอานุภาพเหมือนเหล็กไหล แต่มีคุณพิเศษที่เรียกทรัพย์ดูดทรัพย์

มวลสารที่ ๔

เหล็กไหลน้ำ หรือเหล็กไหลตาน้ำนั้นทางร้านวรันณ์ธร สอบถามวัดแห่งหนึ่งทางเจ้าหน้าที่วัดแจ้งมาว่า เหล็กไหลน้ำชนิดนี้ ใช้รักษาอาการเจ็บปวดของร่างกายได้ เช่นปวดหัว ปวดตามจุดต่างๆของร่างกาย ให้นำเหล็กไหลน้ำนี้ไปวางไว้ตรงจุดที่ปวด และให้นำน้ำมะพร้าวเทราดไปตรงเหล็กไหลน้ำที่วางตรงจุดที่เจ็บปวดของร่างกายจุดนั้น ปรากฎว่าจะหายจากอาการเจ็บปวด ทางร้านวรันณ์ธร จึงนำไปให้คนแก่ที่อยู่ตามแถบชานเมืองที่เจ็บปวดตามข้อตามกระดูกทดสอบดู โดยเอาเหล็กไหลน้ำวางจุดที่ปวดของร่างกาย และนำน้ำมะพร้าวราดลงไป ปรากฎว่า อาการปวดตามข้อกระดูกของคนเจ็บท่านนั้นหาย ตรงนี้ทางเราก็แนะนำว่าสิ่งนี้เป็นความเชื่อที่ไม่มีข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ แต่ศาสตร์ลี้ลับมีอีกมากมายนับไม่ถ้วนที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถค้นพบได้ในปัจจุบัน

มวลสารที่ ๕

เหล็กไหลเพลิงเป็นเหล็กไหลที่มีอานุภาพใกล้เคียงกับ เหล็กไหลโกฏิปีเช่นกัน แต่มีรูปพรรณสัณฐานเป็นสีแดงเพลิง เนื่องจาก เหล็กไหลเพลิงถือว่าเป็นเหล็กไหลที่มีเตโชธาตุในตัวมากที่สุด ในบรรดาเหล็กไหลชนิดอื่น ๆ โดยทั่วไป และหาก เป็นเหล็กไหลเพลิง ชั้นสุดยอดจะมีสีแดงคล้ายสีเลือด เนื้อใสคล้ายเนื้อแก้ว ส่วนเหล็กไหล เพลิงชั้นรองๆ ลงไปเนื้อจะมีสีแดงแบบอิฐมอญ ส่วนผิวจะคล้ายโลหะ

เหล็กไหลเพลิงมีอิทธิพลานุภาพแปลกไปกว่าเหล็กไหลเจ้าป่า คือเหล็กไหลเพลิงมีความสามารถในการสร้างมายาภาพเพื่อป้องกัน ตัวเอง ตามตำราได้กล่าวไว้ว่าเหล็กไหลเพลิงจะแสดงมายาให้แก่ผู้ ที่พกพาในยามเมื่อถูกศัตรูทำร้าย เช่นว่าทำให้ศัตรูเห็นว่ามีเลือดออก หรือมีเลือดสาดตามร่างกายอย่างน่ากลัว จนศัตรูเข้าใจว่าตายไปแล้ว เพื่อที่ศัตรูจะได้ไม่หวนกลับมาทำร้ายอีก แต่เหล็กไหลเพลิงเป็นเหล็ก ไหลที่ไม่ได้รับความนิยมในการนำมาฝังลงในร่างกาย เนื่องจากว่ามายา ของเหล็กไหลเพลิงยังทำให้มองเห็นว่าผู้ที่พกพาดูไม่มีเงาหัวบ้าง

ดูเหมือนเดินไม่ติดดินบ้าง หรือบางครั้งดูเหมือนล่องหนหายตัวได้ ซึ่งอาจเป็นเหตุให้ผู้อื่นเข้าใจว่าผู้นั้นเป็นภูตผีปีศาจ ผู้ที่จะฝังเหล็กไหลเพลิงลงในร่างกายจึงมักเป็นฤาษีชีไพรที่ไม่คิดยุ่งเรื่องทางโลกแล้วเท่านัน

อำนาจของเหล็กไหลเพลิงที่โดดเด่นอีกประการหนึ่งคือ สามารถปรับอุณหภูมิของอากาศรอบตัวให้พอเหมาะพอดีกับผู้ที่พกพา ป้องกันไข้ป่า กันการกระทำยํ่ายีด้วยคุณไสยมนต์ดำได้ และดูเป็นสง่า ราศีแก่ผู้พบเห็น เหล็กไหลเพลิงชอบเสพน้ำผึ้ง และมีอิทธิฤทธิ์มายา หลายหลาก ถึงขั้นที่มีคำกล่าวว่าหากเอาค้อนทุบเหล็กไหลเพลิง จนละเอียดแล้วเอาผ้าห่อไว้ รุ่งเช้าเหล็กไหลเพลิงจะสามารถรวม ตัวกันเป็นก้อนขึ้นมาใหม่ตามเดิมได้ จึงเรียกเหล็กไหลเพลิงอีก อย่างหนึ่งว่า "เหล็กประสานกาย"

มวลสารที่ ๖

เหล็กไหลเงินยวง หรือ เหล็กไหลชีปะขาว ( เหล็กไหลน้ำหนึ่ง) เป็นเหล็กไหลที่มีบารมีสูงสุด จะเรียกว่าดีที่สุดก็ว่าได้ เป็นธาตุกายสิทธิ์ที่ป้องกันได้คลอบจักวารเหล็กไหลชนิดนี้ มีสีเงินขาวเป็นยวงคล้ายกับปรอทมีความแวววาวเหมือนโลหะ มีฤษีชั้นพรหมดูแลรักษาอยู่

เป็นเหล็กไหลที่มีบารมีสูงสุด จะเรียกว่าดีที่สุดก็ว่าได้ เหล็กไหลประเภทนี้มีสีขาวเป็นมันเลื่อมคล้ายเกล็ดงู เกจิอาจารย์บางท่านเรียกว่า “พญางูเผือก” เราจะพบเห็นตามถ้ำทางภาคเหนือ และลึกเข้าไปในแคว้นเชียงตุงของพม่า และทางลาวเหนือ เพราะเหล็กไหลชีปะขาวชอบอากาศหนาวจัด มีอานุภาพทางแคล้วคลาดล่องหนหายตัวได้ชั่วคราว ถูกไฟไม่ยืด แต่ถ้าใช้คาถาอาคมยืดได้ มีมายาในตัว งอกขึ้นได้เล็กลงได้ ถ้าจะนำไปสร้างพระเครื่องจะต้องใช้วิชาเล่นแร่แปรธาตุบังคับ พุทธคุณคือ เป็นธาตุกายสิทธิ์ที่ป้องกันได้คลอบจักวาร มีพลังทางร้อนแรง ทำลายอวิชาต่างๆได้ดี สร้างภาพลวงตา และปรับ อุณหภูมิภายในร่างกายให้กับเจ้าของ ล่องหนหายตัวได้ ใช้ทำน้ำมนต์รักษาโรค ป้องกันคุณผี คุณคน เป็นมหาอุด และเสริมดวงฯลฯ

มวลสารที่ ๗

เหล็กไหลฤาษี มีสภาพเหมือนกับแร่โลหะประเภทหนึ่งที่มีสีมันวาวแกมเทาและสีอื่นๆ ดูดติดกันเหมือนแม่เหล็กแต่แรงกว่า แต่ขั้วแม่เหล็กชี้ไปทางทิศตะวันออก เพราะไม่ว่าท่านจะจับหมุนอย่างไร เวลาหยุดก็จะหันไปทางทิศตะวันออกตลอด ด้วยเหตุผลว่า เหล็กไหลฤาษี มีองค์เทพผู้รักษาเป็นปู่ฤาษี ที่ทรงฌาณ จึงปรากฏอานุภาพ ทั้งทางเมตตามหานิยม โชคลาภ แคล้วคลาด คงกระพัน แปลกและน่าทึ่งเมื่อเวลานำเอาเหล็กไหล 2 ก้อนมาวางใกล้กันจะวิ่งเข้าหากันหรือมีแรงดึงดูดติดกันอย่างรวดเร็วและรุนแรงมาก อีกอย่างหนึ่ง ฤาษี ท่านบูชาไฟก็ จะบูชาพระอาทิตย์ด้วย ดังนั้นเหล็กไหลชุดนี้จึงแปลกที่หันไปทางทิศตะวันออกเสมอ

มวลสารที่ ๘

เหล็กน้ำพี้ จากตำราพิชัยสงคราม กล่าวไว้ว่า จะปรากฏอานุภาพ คือ เหล็กน้ำพี้เป็นของขลัง มีของดีในตัวเองทุกอนูมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง. เหล็กน้ำพี้เป็นของอาถรรพณ์ เร้นลับ และมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ทุกๆ อณู เหล็กน้ำพี้เป็นเหล็กอาถรรพณ์ ใช้ล้างอาถรรพณ์ได้นับนานาประการ แม้ผู้มีวิชาคงกระพันชาตรีเพียงไร เหล็กน้ำพี้สามารถฟาดฟันได้ทั้งหมด เหล็กน้ำพี้สามารถป้องกันภูติผีปีศาจได้ วิญญาณ ภูติผี ปีศาจไม่กล้าเข้าใกล้ เหล็กน้ำพี้กันมนต์ดำ วิชาเดรัจฉานวิชา ป้องกันได้

ผู้ที่นำพกติดตัวจะป้องกันสิ่งเลวร้ายได้ตลอดกาลแล้ว ยังเป็นวัตถุมงคลเมตามหานิยมอยู่ยงคงกระพันชาตรี และ ปกป้องคุ้มครองให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆได้ทั้งปวง

มวลสารที่ ๙

เพชรหน้าทั่ง เพชรมหามงคล สรรพคุณ 108 ธาตุกายสิทธิ์มีฤทธิ์เป็นรองเฉพาะเหล็กไหล

ที่ภาคใต้เคยมีเรื่องราวเกี่ยวกับเกาะลอยหมู่บ้านประหลาดที่สามารถโผล่ขึ้นมากลางทุ่งโคลนได้อย่างน่าอัศจรรย์และสามารถหายลับตาไปเฉยๆได้อย่างน่าแปลกประหลาดมีเรื่องเล่ากันมาว่าบางผู้ที่ผ่านเข้าไปในเมืองนี้จะได้รับขมิ้นบ้าง ใบพลูบ้างดูแล้วเป็นของที่ไม่มีค่าบางคนระหว่างทางจึงทิ้งไปบ้างแต่พอมาถึงบ้างตนแล้วก็กลับพบว่าของต่างๆที่ตนไม่เห็นค่ำในตอนแรกบัดนี้กลับกลายมาเป็นทองคำทั้งสิ้น

เรื่องราวเกี่ยวกับวัตถุจากต่างมิติเช่นนี้ปรากฏให้เห็นอยู่เสมอมีหลายคนที่ได้ประจักษ์มาแล้วซึ่งชาวลับแลนี้มีของดีหลายอย่าง ที่จังหวัดพัทลุง เมืองเขาสามร้อยยอดก็ปรากฏเรื่องราวเกี่ยวกับเมืองลับและธาตุกายสิทธิ์ชนิดหนึ่งที่ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็น “เพชรเมืองคนธรรพ์” หรือเพชรเมืองลับแล ของดีสรรพคุณ 108 ประการที่ทุกคนต่างปรารถนา

เพชรของชาวเมืองคนธรรพ์ที่ชาวบ้านพบเจอนั้นเขาเรียกกันว่า “เพชรหน้าทั่ง” มีลักษณะเป็นโลหะผลึกเล็กๆ ฝังอยู่ภายในเนื้อหินตามธรรมชาติคล้ายๆกับเหล็กไหลที่ฝังตัวอยู่ตามผนังถ้ำหรือคล้ายกับปรอทสำเร็จที่ฝังตัวลงในผนังหินตามธรรมชาติก้อนโลหะต่างๆ เหล่านั้นต่างมีลักษณะสัณฐานสี่เหลี่ยมโดยประมารที่เป็นหกหรือแปดเหลี่ยมก็มีมีสีขาวเงินยวงที่ออกเป็นเหลืองครามหรือเขียวปีกแมลงทับก็มีบ้างบางชิ้นก็เป็นสีออกประกายทองหรือทอสีออกเป็นทองแดงเลยก็มี บางคนเรียก “เหล็กสายฟ้า” อยู่ในตระกูล “อัญมณี” ประกอบด้วยธาตุที่เป็นทองคำและแร่เงินผสมอยู่ด้วยกัน สีจึงออกเหลืองนวลอมทอง อมเงิน และหากโดนปฏิกิริยาทางเคมีก็จะกลายเป็นสีทอง

นับว่าเป็นของดีที่หาค่ามิได้เชื่อกันว่ากายสิทธิ์ชนิดนี้มีฤทธิ์เป็นน้องเหล็กไหลมีอานุภาพมากครูบาอาจารย์ทางใต้ต่างรู้สรรพคุณแร่ชนิดนี้ดีทั้งนั้นอย่างพ่อท่านแดงจังหวัดปัตตานี ที่ทำพระเครื่อง"หลวงปู่ทวดรุ่น ๕แขะ" อันเลื่องชื่อที่มีการลองความขลังโดยใช้ปืนจ่อยิงองค์พระเครื่องปรากฏว่าทั้ง ๕ นัดที่ทดลองกระสุนด้านทั้งสิ้น จึงเป็นที่มาของรุ่น ๕ แชะนี่เองพระเครื่องของท่านก็ได้อาศัยธาตุกายสิทธิ์ชนิดนี้ทำการฝังลงไปยังด้านหลังขององค์พระกล่าวกันว่าหลวงพ่อท่านได้ทำการปลูกเสกจนกระทั้งเพชรหน้าทั่งส่งแสงออกมารองกุฏิยามกลางคืนท่านว่ากายสิทธิ์ชนิดนี้ดีจริงๆ มีพุทธคุณครบทุกด้าน

เพชรหน้าทั่งนี้ผู้รู้กล่าวกันว่าเป็นของกายสิทธิ์ที่มีเทพทั้งฝ่ายยักษ์และฝ่ายคนธรรพ์ดูแลรักษาอยู่ถ้าใครบางมีไม่ถึงไปเอาเองโดยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ยินยอมให้ก็มีแต่ตายกับตายเท่านั้นการเอามานั้นแม้ว่าจะไม่ได้มาด้วยการใช้วิชาแบบตัดเหล็กไหลแต่เขาก็เรียกว่าเป็นการตัดเพชรออกมาเช่นกันคือการขอพลีเอามาอย่างถูกวิธีเจ้าป่าเจ้าเขายินยอมให้จึงสามารถได้มาอย่างปลอดภัย

กายสิทธิ์ของดีจากเมืองลับแลเป็นของที่มีอานุภาพมากมีเจ้าปู่ตาเพชรเป็นพลังงานวิญญาณที่คอยดูแลรักษาธาตุชนิดนี้อยู่โดยเฉพาะการบูชานั้นท่านให้น้ำเอาดอกมะลิเท่านั้นกับน้ำฝนมาเป็นของถวาย เจ้าปู่ตาเพชรทำการรักษาบูชาให้ดีจะบังเกิดโชคลาภนานาประการ ผู้บูชาไว้ไม่มีอดอยากยากจนเลยนอกจากนั้นเพชรทั่งยังสามารถพกติดตัวเอาไปได้ทุกที่ ไม่มีเสื่อมแต่หากปฏิบัติตัวไม่ดีองค์เพชรหน้าทั่งก็สามารถพกติดตัวเอาไปได้ทุกที่ไม่มีเสื่อม แต่หากปฏิบัติตัวไม่ดีองค์เพชรหน้าทั่งก็สามารถเสด็จหนีไปได้เหมือนกันคล้ายๆกับพระธาตุเจ้านั่นแล โบราณเชื่อกันว่า เพชรหน้าทั่ง เป็นธาตุกายสิทธิ์ที่จะทำให้ ผู้ที่เป็นเจ้าของเกิดความร่ำรวย มักจะอยู่ในเขตที่มีสายแร่ทองคำภายใต้ภูเขาลูกนั้น

มวลสารที่ ๑๐

ข้าวตอกพระร่วงหรือข้าวพระร่วง ตามตำนานของคนโบราณเล่ากันว่าข้าวตอกพระร่วงเป็นแร่ศักดิ์สิทธิ์ ที่เกิดขึ้นในสมัย พระร่วงแห่งกรุงสุโขทัย พระร่วงท่านเป็นกษัตริย์ที่มีวาจาศักดิ์สิทธิ์ กล่าวคือเปล่งวาจาอะไรออกไปก็จะเป็นไปตามนั้น ในขณะที่ท่านได้ออกผนวชเป็นพระภิกษุสงฆ์ และได้ออกบิณฑบาตรในวันออกพรรษาตักบาตรเทโว เมื่อท่านฉันอาหารเสร็จแล้วข้าวที่เหลือก้นบาตรพร้อมข้าวตอกดอกไม้ท่านได้นำไปโปรยลงบนลานวัดเขาพระบาทใหญ่ แล้วทรงอธิษฐานว่า ขอให้ข้าวตอกดอกไม้นี้กลายเป็นหินชนิดหนึ่งและมีอายุยั่งยืนนานชั่วลูกชั่วหลาน เมื่อใครที่ได้นำไปบูชา ขอให้เจริญด้วยโภคทรัพย์นานาประการ เป็นสิริมงคลแก่ตนเอง และแคล้วคลาดจากภัยอันตรายทั้งปวง...

มวลสารที่ ๑๑

อุกกามณีถือเป็นวัตถุธาตุศักดิ์สิทธิ์ชนิดหนึ่ง อุกกามณี มีหลายชื่อที่เรียกหากัน สะเก็ดดาว,อุลกมณี,แก้วข้าว,เหล็กไหลต่างดาว,คดปลวก,พลอยจันทรคราส,หยดน้ำฟ้า(ตามรูปร่างที่ปรากฏ) เป็นวัตถุธาตุที่หายากที่สุด เพราะต้องรอให้ลูกอุกกาบาตหล่นลงมาบนดินทราย แล้วหลอมละลายดินทรายจนกลายเป็นแก้วสีดำ กระเด็นกระจายรอบบริเวณที่ตกลงมา

มีผู้อาวุโสในวงการมายาท่านหนึ่งซึ่งก็คือ อาจารย์ประดิษฐ์ กัลจาฤก เจ้าของบริษัทกันตนาที่โด่งดังได้เคยกล่าวถึงอุกามณีไว้ว่า

"เงินทองบ่เลี่ยง เสี่ยงภัยบ่มี ลาภยศศักดิ์ศรี บารมีกว้างไกล"

ของสิ่งนี้ไม่ได้เกิดจากฝีมือมนุษย์ทำขึ้น จึงมีความสะอาดบริสุทธิ์มาก สมควรเรียกว่าเป็นดาวนำโชคแก่ผู้ที่มีไว้กับตัว ซึ่งตนเองได้เห็นผลนั้นมาแล้ว อีกทั้งยังสามารถใช้ป้องกันคุณไสยมนต์ดำ ภูตผีปีศาจต่างๆมิให้มากล้ำกรายได้ด้วย

มวลสารที่ ๑๒

ปรอทเป็นแร่ธาตุกายสิทธิ์ มีความศักสิทธิ์และมีอนุภาพอยู่ในตัวเอง แม้จะเก็บไว้นานก็คงสภาพไม่แปรเปลี่ยน เป็นสีอื่น ปรอทที่แท้จริงจะมีสีขาวเงาวาว จับดูจะลื่นมือเหมือนเปียกน้ำ ถ้าเอามาขัดถูจะมีสีสดใสขึ้นมาทันที จะดูใหม่อยู่เสมอ พิสูจน์ได้โดยเอาถูกับตะกั่วซองบุหรี่ จะร้อนไหม้ขึ้นมาทันที่ เอาถูที่มือจะเป็นสีดำติดมือ จึงจะเป็นของแท้ถูกต้องตามตำราโบราณ

สรรพคุณของปรอทใช้ได้กว้างขวาง เหมาะกับท่านที่อยู่ชนบท ต่างๆเช่น ตามไร่ นา ป่า เขา ควรที่จะมีพระปรอทติดตัวไว้ ป้องกันอันตรายได้หลายอย่าง

บรรพบุรุษนับถือพระปรอทกันอย่างจริงจัง มีการนำมาสร้างเป็นพระเครื่องเพราะ มีความเชื่อว่าจะช่วยให้ผู้มีไว้ใน ครอบครองคิดสิ่งใดจะได้ตามความปรารถนา

ผู้ใดมีพระปรอทติดตัวเมื่อมีอันตรายเกิดขึ้นกับตัว จะนำพระที่ติดตัวนั้นมาใช้ได้ทันที อาทิ นำมาทำเป็นน้ำมนต์ หรือแช่เพื่อดื่มกินรักษาโรคต่างๆ

มวลสารที่ ๑๒

คต ตามภาษาคนที่เล่นของ เค้าเรียกแทนสิ่งๆหนึ่งที่ผิดแปลกธรรมชาติ แปลกกันจิงๆ เกิดมาไม่เหมือนชาวบ้าน หาก็ยาก มีความอัศจรรย์ มีความขลัง เปนที่อยากได้ของผู้คนมากมาย คต สามารถเกิดได้กับพืช สัตว์ (รวมทั้งคนด้วย) เกิดมาด้วยความอาถรรพ์ ผู้เฒ่าผู้แก่บอกกันมาว่า เทวดาที่ต้องมาใช้ชีวิตอยู่บนโลกเพื่อฝึกตบะ เมื่อฝึกได้มาพอก้อได้ขอสิงสถิตมายังสิ่งๆหนึ่ง เมื่อสิ่งนั้นถูกรวมกับกายทิพย์ของท่านก้อจะกลายเปงหินไปทันที นี้จะหมายถึงคดที่เปงจำพวกกลายเปนหินคับ ส่วนเขี้ยว เขา เค้าก้อบอกกันมาว่า สัตว์ที่เปงเจ้าของมีตบะที่แรงกล้า อาจจะให้หมายถึงเปงเทวดาก้อได้นะ อวัยวะบางอย่างของมันจะเปงสิ่งที่คุ้มครองเจ้าของของมันให้รอดพ้นจากอันตราย

และที่สุดยอดคือ มวลสารที่ ๑๔ ผ้าจีวรครูบาอินถา ที่จะนำมาติดตะกรุดทุกดอก

ได้มีพิธีอธิษฐานจิตปลุกเสก พระเกจิอาจารย์มีทั้งหมด 18 รูป ทั้งหมดมีรายนามดังต่อไปนี้

1.ครูบาอินถา วัดยั้งเมิน อ.สะเมิง 93 ปี

2.ครูบาดวงดี วัดบ้านฟ่อน อ.หางดง 100 ปี

3.ครูบาคำตั๋น วัดย่าพาย อ.สันกำแพง 91 ปี

4.ครูบาทองดี วัดใหม่ห้วยทราย ต.สุเทพ 8/9 ปี

5.ครูบาบุญปั๋น วัดป่าแดด อ.แม่วาง 88 ปี

6.ครูบาบุญมา วัดศิริชัยนิมิตร อ.แม่วาง 88ปี

7.ครูบา่อิ่นแก้ว วัดศรีโขง อ.เมือง 85 ปี

8.ครูบาจันทร์แก้ว วัดวังธาร อ.สันกำแพง 84 ปี

9.ครูบาบุญยืน วัดล้องปุ่หม่น อ.สารภี 84 ปี

10.ครูบาพรหม วัดบ้านหลวง อ.พร้าว 83 ปี

11.ครูบาคำอ้ายวัดสันต้นเปา อ.สันทราย 82 ปี

12.ครูบาดวงคำ วัดศรีบัวเงิน ต.ท่าศาลา 82 ปี

13.ครูบาศรีมรรย์ วัดบ่อเต่า อ.พร้าว 82 ปี

14.ครูบาอินตา วัดศาลา อ.หางดง 81 ปี

15.ครูบาประเสริฐ วัดหนองป่ามัน อ.พร้าว 78 ปี

16.ครูบาสมาน วัดบ้านเหล่า(พระเจ้าตาเขียว) จ.ลำพูน 77 ปี

17.ครูบากองจันทร์ วัดพุทธเอ้น อ.แม่แจ่ม 69 ปี

18.ครูบาบุญเป็ง วัดพระธาตุจอมสติ อ.ดอยเต่า 67 ปี

รวมสิริอายุวัฒนมงคล 1503 ปี

........................................................................

ชีวประวัติโดยย่อ พระครูถาวรมงคลวัตร (หลวงปู่ครูบาอินถา ฐิตธมฺโม)

พระครูถาวรมงคลวัตร(หลวงปู่ครูบาอินถา ฐิตธมฺโม) ปัจจุบันอายุ 90 ปีบริบูรณ์ เจ้าอาวาสวัดยั้งเมิน อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ เกิดวันพุธ ที่ 14 มีนาคม 2464 ภูมิลำเนาเดิมบ้านหนองหวาย เริ่มบรรพชาสามเณรอายุ 12 ปีที่วัดหนองหวาย ต.ยุหว่า อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ เป็นสหายธรรมรุ่นเดียวและรู้จักดีกับครูบาต๋า วัดบ้านเหล่า รุ่นพี่คือครูบาบุญปั๋น วัดร้องขุ้ม อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ ท่านขึ้นมาจำวัดที่วัดยั้งเมิน ราวปี พ.ศ.2518 และได้อุปสมบถพร้อมแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2520 โดยมีพระครูสิริธรรมโฆษิต วัดปากกอง อ.สารภี ในฐานะเจ้าคณะอำเภอสะเมิงเป็นพระอุปัชฌาย์ และมีครูบาสม โอภาโส วัดศาลาโป่งกว๋าว อ.สะเมิง มาร่วมงาน เป็นต้น อุปนิสัยของหลวงปู่ครูบาอินถาเป็นพระสงฆ์ที่สมถะ เรียบง่าย ไม่ถือตัว มีเมตตาสูงสุด พูดน้อย ยิ้มนิดๆ

คำที่เกี่ยวข้อง
ตะกรุดปลอกลูกปืนครูบาอินครูบาอิน อินโทตะกรุดครูบาครูบาอินโตแร่เหล็กไหลตะกรุดครูบาแบ่งตะกรุดครูบาบุญชุ่มตะกรุดเหล็กไหลตะกรุดกาสะท้อน ครูบาน้อย

สินค้าใกล้เคียง