วิธีใช้/ขั้นตอนการปรุง/วิธีรับประทาน แช่ถั่วเขียวด้วยน้ำสะอาด 2-3 ชั่วโมง ล้างให้สะอาด แล้วนำไปต้ม ประมาณ 30 นาที จนถั่วเขียวนิ่ม (ใช้ไฟกลาง) จากนั้นเติมน้ำตาล หรือ ประกอบอาหารตามชอบ เช่น ถั่วเขียวต้มน้ำตาล ถั่วเขียวต้มขิง เป็นต้น
ข้อควรระวัง/การเก็บรักษา เมื่อเปิดถุงแล้วควรปิดถุงให้สนิทหรือเก็บในภาชนะที่แห้งและปิดฝาให้สนิท เก็บในที่เย็น
สรรพคุณของถั่วเขียว
- มีโพแทสเซียมช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อในร่างกายให้แข็งแรง[4]
- ถั่วเขียวมีสารต้านเอนไซม์โปรตีเอสในปริมาณสูง ซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์ในการต่อต้านมะเร็ง[5]
- ช่วยบำรุงร่างกาย บำรุงกำลัง เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยป้องกันและรักษาไข้หวัด[3],[5],[7],[10]
- ถั่วเขียวอุดมไปด้วยแมกนีเซียม ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ช่วยในการทำงานของระบบเผาผลาญในร่างกาย ช่วยผลิตโปรตีน และการหดตัวของกล้ามเนื้อ[5]
- ช่วยลดความดันโลหิต[3]
- ช่วยทำให้เจริญอาหาร[3]
- ช่วยลดระดับไขมันและคอเลสเตอรอล ช่วยควบคุมระดับไขมันในเลือด ควบคุมน้ำหนักได้ เพราะถั่วเขียวมีส่วนประกอบของไขมันที่ต่ำมาก ไม่มีคอเลสเตอรอล และยังอุดมไปด้วยโปรตีนกับเส้นใยอาหาร[5]
- ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ[5]
- ถั่วเขียวมีฤทธิ์เย็น ออกฤทธิ์ตามเส้นลมปราณของหัวใจและม้าม[6]
- ถั่วเขียวอุดมไปด้วยธาตุเหล็กซึ่งจำเป็นสำหรับการสร้างเม็ดเลือดแดงในร่างกาย[5]
- ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดและเบาหวานได้[3],[5]
- ถั่วเขียวอุดมไปด้วยแคลเซียมและฟอสฟอรัสที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง และยังช่วยป้องกันและรักษาโรคกระดูกพรุนได้อีกด้วย[4],[5]
- ช่วยขับร้อน แก้อาการร้อนใน และช่วยแก้พิษในฤดูร้อน[3],[7]
- ถั่วเขียวมีประโยชน์ต่อลำคอและผิวหนัง และยังช่วยแก้อาการกระหายน้ำได้อีกด้วย[3],[9]
- เมล็ดถั่วเขียวนำมาต้มกับเกลือ ใช้อมเพื่อรักษาโรคเลือดออกตามไรฟันได้[7]
- ช่วยถอนพิษในร่างกาย[3]
- ช่วยกระตุ้นประสาท[3]ถั่วเขียวเป็นแหล่งสำคัญของธาตุโบรอน (Boron) ซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับการส่งกระแสประสาทของสมอง ช่วยทำให้สมองทำงานได้ฉับไวมากขึ้น[5]และยังอุดมไปด้วยฟอสฟอรัสที่ช่วยบำรุงเซลล์ประสาทและสมอง[4]
- ช่วยบำรุงสายตา[3]ทำให้ตาสว่าง และรักษาตาอักเสบ (เปลือกสีเขียว)[9]ช่วยแก้อาการตาพร่า ตาอักเสบ ด้วยการรับประทานถั่วเขียวต้มครั้งละ 15-20 กรัมเป็นประจำ[9]
- ช่วยรักษาคางทูมที่เป็นใหม่ ๆ ด้วยการต้มถั่วเขียว 70 กรัมจนใกล้สุก แล้วใส่แกนกะหล่ำปลีลงไป ต้มอีก 15 นาที กินเฉพาะน้ำวันละ 2ครั้ง[9]
- ช่วยแก้อาการอาเจียนจากการดื่มเหล้า ด้วยการดื่มน้ำถั่วเขียวพอประมาณ[9]
- ช่วยขับของเหลวในร่างกาย[3]
- ในถั่วเขียวอุดมไปด้วยเส้นใยที่สามารถละลายน้ำได้ดี จึงช่วยในขบวนการทำความสะอาดของร่างกายอย่างเป็นธรรมชาติ[5]
- ถั่วเขียวอุดมไปด้วยวิตามินบี 2 ที่ช่วยป้องกันโรคปากนกกระจอกได้[5]
- ถั่วเขียวมีเส้นใยอาหารสูงจึงช่วยในการขับถ่าย ป้องกันอาการท้องผูก ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ และยังส่งผลดีต่อระบบลำไส้โดยรวมอีกด้วย[5]
- เมล็ดถั่วเขียวนำมาต้มแล้วกิน ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ[6],[8],[9]
- ช่วยแก้ลำไส้อักเสบ[3]
- ช่วยบำรุงตับ[5],[6]
- ช่วยแก้อาการไตอักเสบ[3]
- ช่วยแก้ผดผื่นคัน[3]
- ช่วยลดบวม[6]
- ช่วยรักษาโรคข้อต่าง ๆ แก้อาการขัดข้อ[7],[10]
- ช่วยรักษาฝี ด้วยการใช้ถั่วเขียวดิบหรือต้มสุกนำมาใช้ตำแล้วพอกเป็นยารักษาภายนอก ช่วยในการบ่มหนองให้ฝีสุก และยังใช้รักษาอาการอื่น ๆได้อีกด้วย เช่น แก้ท้องร่วง การคลอดบุตรยาก และโรคท้องมาน[8],[9]
- นำมาใช้ตำพอกแผล[7]
- ช่วยแก้พิษจากพืช พิษจากสารหนู และพิษอื่น ๆ[3],[6]
- ถั่วเขียวอุดมไปด้วยวิตามินบี 1 ที่ช่วยในการป้องกันโรคเหน็บชาได้เป็นอย่างดี[5],[7]
- ถั่วเขียวอุดมไปด้วยโฟเลตสูง ซึ่งมีความสำคัญอย่างมากสำหรับหญิงตั้งครรภ์ เพราะช่วยป้องกันการพิการแต่กำเนิดของทารกได้[5]