เปราะหูสือและเปราะม่วงหัวจะเป็นข้อๆและเรียงติดกันแต่เปราะหูเสือจะเป็นหัวเดี่ยวและมีขนาดเล็กสมุนไพรเปราะป่า มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า ตูบหมูบ ว่านตูบหมูบ (อุบลราชธานี, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ), เปราะเถื่อน (ปราจีนบุรี, ชุมพร), เปราะ หัวหญิง (กระบี่), เปราะเขา เปราะป่า เป็นต้น
ลักษณะของเปราะป่าต้นเปราะป่า จัดเป็นพืชลงหัวขนาดเล็ก มีความสูงประมาณ 3-5 เซนติเมตร มีเหง้าสั้น และรากเป็นกระจุก หัวเปราะป่า หรือเหง้าสั้น และมีขนาดเล็ก ลักษณะของเหง้าเป็นรูปทรงกลม สีน้ำตาล ที่ผิวมีรอยข้อปล้องอย่างชัดเจน ออกรากจากเหง้าหลักเป็นเส้นกลมยาว เหง้ามีกลิ่นหอม รสร้อนเผ็ดและขมจัด สามารถพบได้ทั่วทุกภาคของประเทศไทย ต้นเปราะป่ามักขึ้นตามพื้นดินหรือเกาะอยู่ตามโขดหิน โดยเกิดตามที่ลุ่มชื้นแฉะในป่าเบญจพรรณทั่ว ๆ
ประโยชน์ของเปราะป่าประโยชน์เปราะป่า เปราะป่าสามารถนำมาใช้เป็นเครื่องเทศและเป็นเครื่องยาสมุนไพรใบอ่อนสดที่ม้วนอยู่ใช้รับประทานเป็นผักจิ้มน้ำพริกได้[3],[5] หรือนำมาใช้ทำเป็นผักเครื่องเคียงกับขนมจีนหรือข้าวยำ ให้รสชาติร้อนซ่าเล็กน้อยปัจจุบันพบว่ามีการนิยมปลูกทั่วไปตามบริเวณบ้าน โดยการนำมาปลูกในกะละมังสรรพคุณของเปราะป่าหัวหรือเหง้าใต้ดินใช้ผสมกับตัวยาอื่นเพื่อเข้าตำรับยา ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ (หัว)ใช้เป็นยาแก้ไข้ (หัว)ช่วยแก้หวัด โดยใช้หัวตำผสมกับหัวหอม ใช้สุมกระหม่อมเด็กจะช่วยบรรเทาอาการได้ (หัว)[1],[2],[6]ช่วยแก้อาการไอ (หัว)[5]ช่วยแก้กำเดา โดยใช้หัวตำผสมกับหัวหอม ใช้สุมกระหม่อมเด็ก (หัว)ดอกเปราะป่าช่วยแก้อาการอักเสบตาแฉะ (ดอก)ใช้รักษาเด็กที่ชอบนอนผวาตาเหลือกช้อนดูหลังคา (ดอก)[6]น้ำคั้นจากใบและเหง้านำมาใช้ป้ายคอ เพื่อช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอได้ (หัว, ใบ)หัวมีสรรพคุณเป็นยาแก้เสมหะ (หัว)ช่วยขับลมในลำไส้ (หัว)ช่วยแก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ (ต้น)[5]ใช้เป็นยาขับโลหิตที่เน่าเสียของสตรี (ต้น)ใช้เป็นยากระทุ้งพิษต่าง ๆ (หัวช่วยแก้ลมพิษ ผดผื่นคัน (หัว)[5] ช่วยรักษาเลือดที่เจือด้วยลมพิษ (หัว)ใบเปราะป่าช่วยแก้เกลื้อนช้าง (ใบ)หัวหรือเหง้าใต้ดินนำมาตำพอกแก้อาการอักเสบอันเนื่องมาจากการถูกแมลงสัตว์กัดต่อย (หัว)หัวมีกลิ่นหอม ให้รสร้อนและขมจัด ใช้สำหรับทำเป็นลูกประคบ เพื่อช่วยแก้อาการฟกช้ำได้ (หัว)หัวใช้ผสมกับใบหนาดใหญ่ ใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้อัมพาต (หัว)
#เปราะหอม#เสน่ห์จันทร์หอม#เปราะหอมป่า#ต้นเปราะหอม#ว่านตูบหมูบ#เปราะเขา#เปราะด่าง#เปราะหอมลายเสือ