พระกริ่งนาคเกี้ยว รุ่นแรก "นาคาบันดาลทรัพย์" หลวงปู่สอ อายุ 113 ปี วัดโพธิ์ศรี จ.นครพนม เนื้อชนวนเหล็กไหลก้นทองทิพย์" ปี 2561
พระกริ่งนาคเกี้ยว-รุ่นแรก-นาคาบันดาลทรัพย์-หลวงปู่สอ-อายุ-113-ปี-วัดโพธิ์ศรี-จ-นครพนม-เนื้อชนวนเหล็กไหลก้นทองทิพย์-ปี-2561
ข้อมูลสินค้า
ราคา
899.00 550.00 บาท
รีวิว
3 ครั้ง
แบรนด์
No Brand
ร้านค้า

**รับประกันพระแท้ตลอดชีพ**

เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำโขง บูรพาจารย์สายสำเร็จลุน เทพเจ้า 2 แผ่นดิน ไทย-ลาว พระเถระ 6 แผ่นดิน อายุ 114 ปี

พระกริ่งนาคเกี้ยว รุ่นแรก "นาคาบันดาลทรัพย์" หลวงปู่สอ อายุ 113 ปี วัดโพธิ์ศรี จ.นครพนม เนื้อชนวนโบราณอุดผง" ปี 2561 (ราคาจอง 1000บ.)

เนื้อชนวนเหล็กไหลอุดก้นทองทิพย์

ประวัติและปฏิปทา หลวงปูสอ ขันติโก

หลวงปู่สอ ขันติโก ท่านมีนามเดิมว่า สอ แก้วดี ท่านเกิดในตระกูลชาวนา เกิดเมื่อวันเสาร์ ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2448 ตรงกับวันแรม 2 ค่ำ เดือน 6 ปีมะเส็ง ตามคำบอกเล่าของหลวงปู่ว่าในใบสุทธินั้นระบุวันเดือนปีเกิดและวันที่อุปสมบทคลาดเคลื่อนไป โดยระบุว่า ท่านเกิดวันที่ 20 พฤษภาคม 2460

คลาดไป 12 ปี เพราะแม่ของหลวงปู่แจ้งเกิดให้ท่านช้าไปมากและไม่ได้นำเข้าทะเบียนราษฎร์ เนื่องด้วยท่านติดตามหลวงปู่สีทัตถ์ ญาณสัมปันโน แห่งวัดพระธาตุท่าอุเทน ไปตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งจริงๆแล้วแม่ของท่านบอกเกิดปี 2448

เป็นบุตรของ คุณพ่อเพ็ง แก้วดี เป็นชาวลาว กับคุณแม่จันทร์ รามศรี

แม่พี่น้องร่วมกันอยู่ 6 คน

1. นายสุ เพียมา เสียชีวิตแล้ว

2. นายสอ แก้วดี ( หลวงปู่สอ ขันติโก )

3. นายสาน บุญรักษา เสียชีวิตแล้ว

- พี่น้องต่างบิดาอีก 3 คน

4. นางจูม กัณหา เสียชีวิตแล้ว

5. นางเจียง รามศรี เสียชีวิตแล้ว

6. นางเฮียง รามศรี เสียชีวิตแล้ว

เมื่อแรกเกิดหลวงปู่ท่านเล่าให้ฟังว่า แม่ของท่านบอกว่าตอนหลวงปู่เกิด สายรกพันคอ จะได้บวชเป็นแน่ ตอนท่านยังเด็กเป็นคนอุปนิสัยชอบทำบุญ งดเว้นการฆ่าสัตว์ มักชวนแม่ของท่านเข้าวัดไปฟังพระท่านเทศอยู่บ่อยครั้ง ท่าได้เข้ารับการศึกษาจนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เมื่อครั้งคุณยายและแม่ของท่านพาไปกราบหลวงปู่สีทัตถ์ ญาณสัมปันโน ผู้สร้างพระธาตุท่านอุเทน แม่ท่านจึงขอฝากตัวท่านให้เป็นลูกศิษย์และได้ติดตามหลวงปู่สีทัตถ์ ญาณสัมปันโน อยู่รับใช้หลวงปู่สีทัตถ์ หลวงปู่สีทัตถ์จึงบวชเณรให้เด็กชายสอ แก้วดี เล่าเรียนวิชาต่างๆจากท่าน ธรรมน้อย ธรรมใหญ่ มูลกัจจาย กรรมฐาน อุปัฏฐากพ่อแม่ครูอาจารย์ ได้มีโอกาสหยิบจับอิฐปูนร่วมก่อสร้างพระธาตุท่าอุเทน ติดตามท่านเป็นเวลาหลายปี จนแตกฉานในพระธรรมวินัย บาลี สำหรับสามเณรสอ ผู้มีความใฝ่รู้ใฝ่เรียน ข้ามฝั่งไปมาติดตามพ่อแม่ครูอาจารย์สีทัตถ์ ญาณสัมปั โน จวบจนอายุครบบวช

ด้านการอุปสมบท

ได้ทำการอุปสมบท เมื่อปี 2468 อายุ 20 ปี ณ อุโบสถวัดโพนแก้ว โดยมีหลวงปู่สีทัตถ์ ญาณสัมปันโน เป็นพระอุปัชฌาย์ และยังติดตามอยู่รับใช้หลวงปู่สีทัตถ์ ญาณสัมปันโน ที่พระบาทโพนสัน สปป.ลาว ร่วมสร้างพระพุทธบาทโพนสวรรค์กับพ่อแม่ครูอาจารย์ ท่านได้เห็นญาณบารมีของพระอาจารย์ของท่าน เมื่อมีอุบาสก อุบาสิกา เข้ากราบพ่อแม่ญาครูสีทัตถ์

เหล่าลูกศิษย์ ได้ถามกับท่านว่า อัญญาครู อยากฉันหยังครับมื้ออื่นสิเฮ็ดมาถวาย หลวงปู่สีทัตถ์ ตอบ แม่นหยังกะได้ดอก แต่เหล่าลูกศิษย์ก็คะยั้นคะยอ จะให้ท่านตอบให้ได้ ท่านจึงบอกว่าแกงหน่อไม้กะได้ เหล่าลูกศิษย์จึงตอบว่ามันบ่แม่นฤดูครับ ยามแล้งบ่มีพอสิได้แกง หลวงปู่สีทัตถ์ตอบ พากันไปเบิ่งโลดนำสุ่มหน่อไม้มันมีหลาย เหล่าลูกศิษย์พากันมองหน้ากันยกใหญ่ แล้วกระซิบกันว่ามันบ่มีดอกเมื่อวานกะไปมาแล้ว แต่หลวงปู่สีทัตถ์กะเอ่ยบอกว่า เมื่อวานบ่มี มื้อนิมีไปเอามาแกงโลดเด้อ เหล่าลูกศิษย์จึงตกใจท่านได้ยินได้อย่างไร พอออกจากวัด ชาวบ้านจึงพากันไปดู ปรากฏว่ามีหน่อไม้เต็มไปหมด ต่างพากันยกมือสาธุๆขึ้นหัว แล้วนำหน่อไม้ออกมาแกง ในวันรุ้งขึ้นนำมาถวายหลวงปู่สีทัตถ์ ชาวบ้านจึงพากันถามกับหลวงปู่สีทัตถ์ว่า หน่อไม้มาจากไหนครับ หลวงปู่สีทัตถ์ตอบ กะมาจากกอมันนั่นละ และอีกมากมายหลายเรื่องๆ

(สามารถหาอ่านได้จากประวัติหลวงปู่สีทัตถ์ ญาณสัมปัญโณ)

ครูบาสอในขณะนั้นจึงคิดในใจด้วยญาณบารมีของท่านอาจารย์โดยแท้ จึงทำให้ท่านอยากเหล่าเรียนทางวิชาคาถา อาคม จากหลวงปู่สีทัตถ์ จนแตกฉานในทุกอย่าง ท่านอยู่ ร่วมสร้างพระบาทโพนสันกับหลวงปู่สีทัตถ์เป็นระยะเวลาหนึ่งจึงได้ออกธุดงค์ไปยังสถานที่ต่างๆตามป่าเขา ถ้ำภูผาต่างๆ มักเจอกับสัตว์ร้าย เสือ ช้าง บ่อยครั้ง ท่านเล่าว่ามันมักมานั่งเฝ้า เวลาท่านนั่งสมาธิ ท่านก็จะแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์เหล่านั้นเป็นประจำ

ท่านออกธุดงค์ข้ามไปมาทั้งฝั่งไทยและลาวเสาะแสวงหาสถานที่ปลีกวิเวก เป็นเวลา 10 ปี

จนได้ทราบข่าวอาการป่วยของโยมแม่ ในขณะนั่นหลวงปู่มีอายุ 32 ปี พรรษาที่ 12 จึงทำการลาสิขารีบเดินทางมาดูแลแม่ผู้ให้กำเนิด กลับมาดูแลแม่ของท่าน จนถึงวาระสุดท้ายของคุณแม่จันทร์ เป็นระยะเวลาเพียงครึ่งปี ได้ทำการอุปสมบทใหม่อีกครั้ง

หลวงปู่จึงกลับออกมาธุดงค์อีก ข้ามไปยังฝั่งลาว บ้านบุ่ง ท่านจำพรรษาเพื่อพัฒนาวัดบ้านบุ่งอยู่หลายปี ก็ออกเดินทางไปพบหลวงปู่สีทัตถ์อีกครั้งเฝ้าอุปัฏฐาก อยู่กับท่านจนหลวงปู่สีทัตถ์ละสังขาร ท่านบอกคุณครูบาอาจารย์ เราระลึกถึงท่านเสมอ เมื่อแล้วเสร็จจากทุกสิ่งแล้ว ท่านก็กับมาที่ฝั่งไทย มาจำพรรษาที่ วัดโพธิ์ศรี บ้านบะหว้า ต.รามราช .ท่าอุเทน จ.นครพนม ในขณะนั้นยังมีครูบาอาจารย์ที่เป็นทั้งสหธรรมมิกและศิษย์ผู้พี่หลายๆท่าน ท่านเหล่าว่าท่านมักจะไปกราบ และอุปฐาก หลวงปู่สนธิ์ ท่าดอกแก้ว ศิษย์ผู้ใหญ่ในองค์หลวงปู่สีทัตถ์ ญาณสัมปัณโณ ซึ่งมีศักดิ์เป็นศิษย์ผู้พี่ของท่าน แต่ท่านก็ยกให้เป็นอาจารย์อีกท่านหนึ่งของท่าน เลยทีเดียว นอกเหนือจากหลวงปู่สนธิ์แล้ว ยังมีหลวงปู่คาร คันธิโย หลวงปู่จันทร์ เขมมิโย วัดศรีเทพ ผู้เป็นศิษย์ผู้พี่. ขอศึกษากับท่านอยู่เป็นระยะ.

หลวงปู่สอ ขันติโก ในวัยชรากับบ้านเกิดอยู่จำพรรษาพัฒนาวัดโพธิ์ศรีมาโดยตลอด เป็นศูนย์รวมจิตใจของเหล่าศิษยานุศิษย์ พี่น้องประชาชนใกล้ไกล คุณงามความดีที่ท่านสะสมมาเป็นดั่งพระอริยบุคคลแห่งยุคนี้ หลวงปู่สอ ท่านมีสุขภาพที่แข็งแรงไม่มีโลกประจำตัวถึงแม้จะอยู่ในวัย 114 ปี จนมาถึงปลายเดือนสิงหาคม 2562 ท่านอาพาธได้เข้ารับการรักษาพยาบาล ณ โรงพยาบาลนครพนม เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ มีอาการดีขึ้นตามลำดับ ก่อนจะออกจากโรงพยาบาลกลับวัด ได้เพียง 1 วันในเช้ามืดของวันที่ 6 กรกฎาคม 2562 ท่านมีการอาการไม่รู้สึกตัว จึงได้เข้ารับการรักษาอีกครั้งโดยท่านรู้สึกตัวที่โรงพยาบาลอีกครั้งมีอาการความดันต่ำ เกร็ดเลือดต่ำ มีน้ำในปวดเนื่องจากอาการสำลักน้ำ

ในขณะนั้นความเมตตาของท่านมีมากล้นเหลือเกินยังให้พรเหล่าลูกศิษย์ด้วยวาจาสุดท้ายว่า

"อยู่ดีมีแฮง มีความสุขความเจริญเด้อ” หลังจากนั้นท่านก็ไม่พูดอะไรอีกแต่ก็รู้สึกตัวอยู่ตอลอด จนถึงช่วงเย็นท่านสั่งไว้ให้พากลับวัด จึงนำท่านกลับวัดโพธิ์ศรี ถึงวัดได้ประมาณ 20 นาที ท่านละสังขารด้วยอาการสงบ ในเวลา 18.12 นาที วันที่ 6 กรกฎาคม 2562 สิริอายุ 114 ปี 82 พรรษา รวมทั้งสองครั้ง 93 พรรษา

คำที่เกี่ยวข้อง
พระสมเด็จหลวงปู่จันทร์ วัดศรีเทพ ปี 2500หลวงปู่ทอง วัดพระธาตุศรีจอมทองหลวงปู่สุข วัดโพธิ์ทรายทองพระปิดตาหลวงปู่โต๊ะรุ่น 111 ปีพระนอนวัดโพธิ์ปี2530พระกริ่งวัดบวร 100 ปีพระกริ่งหลวงปู่หมุนพระกริ่งหลวงปู่หงษ์พระกริ่งหลวงปู่โต๊ะพระกริ่งหลวงปู่สรวง

สินค้าใกล้เคียง