โกรแม็กซ์ สูตร 10-52-17
เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นมาสำหรับการเกษตรแผนใหม่
สูตร ฟอสฟอรัสสูง หยุดต้น สร้างดอก พัฒนาราก● ใช้เมื่อต้องการหยุดการเจริญเติบโตทางด้านลำต้น เพื่อพัฒนาการออกดอก ราก ลงหัว● เหมาะสำหรับระยะต้องการสร้างผลผลิต รากและลงหัว ติดผล ป้องกันดอก-ผลร่วง
โบโร-แคล1. พืชต้องการแคลเซียมทุกระยะการเจริญเติบโต และธาตุแคลเซียม เป็นธาตุที่ไม่เคลื่อนย้ายในพืช หลังจากเป็นส่วนประกอบของเซลล์แล้ว2.กระตุ้นการแตกราก ทำให้รากดูดน้ำและแร่ธาตุจากดินได้มากขึ้น
3.ทำให้พืชทนแล้ง เนื่องจากระบบรากหยั่งลึกและมีปริมาณมาก4.ทำให้ผนังเซลล์มีความแข็งแรงมากสามารถป้องกันการเข้าทำลายของเชื้อโรคโดยเฉพาะเชื้อราได้ดี5.สามารถป้องกันโรคเชื้อราที่เกิดกับผลผลิตในช่วงใกล้เก็บเกี่ยวหรือเก็บเกี่ยวไปแล้วจากเชื้อราได้ดี เช่น โรคก้นเน่าของมะเขือเทศ พริกหยวก พริกหวาน โรคราที่เปลือกของผลไม้ ผลจุดของฝรั่ง6.เสริมสร้างความแข็งแรงของเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมีย ความแข็งแรงของรังไข่ แก้ปัญหาการหลุดร่วง7.เพิ่มอัตราการเคลื่อนย้ายอาหารจากใบมาที่ผลหรือหัวหรือส่วนผลผลิตที่เก็บเกี่ยว ทำให้ผลผลิตมีน้ำหนักดี รสชาติดี ทนทานต่อการขนส่งและมีอายุหลังการเก็บเกี่ยวนาน8.ช่วยแก้ปัญหาไส้กลวง เนื่องจากขาดโบรอนในหัวไชเท้าหรือการห่อหัวไม่แน่นของกะหล่ำปลี แก้ปัญหาดอกเป็นจุดดำของกะหล่ำดอก อัตราการใช้ โบโร-แคล แนะนำ การใช้หลายอัตราขึ้นอยู่กับสภาพของพืช ดังนี้
– สภาพปกติ ใช้โบโร-แคล 1 ช้อนตวง (5 กรัม) ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทุก7-10 วัน พร้อมปุ๋ยทางใบหรือพร้อมยาป้องกันกำจัดศัตรูพืช ยกเว้นยาฆ่าหญ้า เพื่อส่งเสริมให้พืชแข็งแรงเติบโตดี มีระบบรากดี ขั้วดอก-ผล เหนียวผลผลิตมีน้ำหนักดี
– สภาพผิดปกติ เมื่อพืชเป็นโรคหรือเมื่อต้องการให้พืชต้านทานต่อการเข้าทำลายของเชื้อรา ใช้ 2 ช้อนตวง (10 กรัม) ต่อน้ำ 20 ลิตร ถ้าเป็นมาก ๆอาจเพิ่มได้ถึง 3-4 ช้อนตวง ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพร้อมยาป้องกันกำจัดเชื้อราแต่การฉีดในอัตราสูง 3-4 ช้อนตวง ต่อน้ำ20 ลิตร แนะนำให้ฉีดในช่วงระยะสั้นๆ2-3 ครั้งเท่านั้น หลังจากนี้ต้องกลับมาฉีดในอัตราปกติ (ไม่เกิน 1-2 ช้อนตวงต่อน้ำ 20 ลิตร)เมื่อต้องการให้พืชทนแล้ง ฉีดพ่นโบโร-แคลอัตรา 2 ช้อนตวง (10 กรัม) ต่อน้ำ 20 ลิตรพร้อมๆ กับท็อป-เอ็น (30-0-0) อัตรา 100 ซีซี 2-3 ครั้งทุก 10 วัน
– พืชผักกินใบ ระยะต้นเล็กมาก มี 2-3 ใบจริง ห้ามใช้โบโร-แคล 10 กรัม/น้ำ 20 ลิตรจะทำให้ผักอั้นใบ ต้นไม่ค่อยยืดขยาย ให้ใช้เพียง 2-5 กรัม/น้ำ 20 ลิตร
กลุ่มธาตุอาหารรอง-เสริมธาตุอาหารรอง-เสริม คือ กลุ่มธาตุอาหารที่พืชต้องการในปริมาณน้อย ปัจจุบัน มักแสดงอาการขาดธาตุเหล่านี้เนื่องจากดินขาดหรือถ้าดินไม่ขาดแต่เกษตรกรขาดการบำรุงรักษาดินทำให้ธาตุเหล่านี้ไม่สามารถถูกปลดปล่อยจากดินได้สิ่งที่ควรคำนึงถึง1. ธาตุกลุ่มนี้ ได้แก่ แคลเซียม (Ca) แม็กนีเซียม (Mg) กำมะถัน (s)เหล็ก (Fe) สังกะสี (Zn) ทองแดง (Cu) แมงกานีส (Mn) โบรอน (B)โมลิบดินั่ม (Mo) และคลอลีน (Cl)2. ธาตุเหล่านี้ ถ้าขาดพืชจะเจริญเติบโตผิดปกติ ถ้าขาดมากพืชจะตาย3. ควรสังเกตอาการพืชที่ปลูกและจดจำอาการต่างๆ ที่ผิดปกติเพื่อเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ให้ถูกต้อง
โบโรแคล
อาหารเสริมสำหรับพืช โบโรแคล
“สูตร ฟอสฟอรัสสูง หยุดต้น สร้างดอก พัฒนาราก”
เจอร์มิเนท สารสกัดชีวภาพ 100% เจอร์มิเนท : กรดอมิโน 19 ชนิด ในรูปของกรดอมิโนอิสระ (L – amino acid) ที่สามารถดูกซึมเข้าสู่เซลล์พืชอย่างรวดเร็วและเป็นจำนวนมาก พืชสามารถนำไปใช้ได้ทันที โดยไม่ต้องย่อยสลายอีก
วัตถุประสงค์
1. ใช้แช่เมล็ดก่อนปลูกเพื่อการงอก 100% และทำให้ต้นกล้าแข็งแรง เปอร์เซนต์รอดสูง
2. ใช้ฉีดพ่นทางใบ เพื่อกระตุ้นการเกิดยอดใหม่ หรือ ช่วยการออกดอกและติดผล
3. ฉีดพ่นเมื่อพืชอยู่ในสภาวะเครียด (Stress) เช่น กระทบหนาวจัด
เพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตของพืช
เมื่ออยู่ภายใต้สภาวะแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม หรือสภาวะแวดล้อมที่ไม่ปกติ เช่น อากาศหนาวหรืออากาศร้อนผิดปกติ ในภาวะดังกล่าว เอ็นไซม์ต่าง ๆ จะไม่ทำงาน ทั้งนี้อาจเนื่องมาจาก เอ็นไซม์ไม่ได้ถูกสร้าง หรือถูกสร้างน้อยเกินไป จนทำให้พืชไม่สามารถเจริญเติบโตได้ตามปกติ การใช้เจอร์มิเนท จะช่วยให้พืชมีกรดอมิโน เพื่อใช้ในการสร้างเอ็นไซม์ ที่พืชต้องการใช้ ทำให้พืชสามารถเจริญเติบโตต่อไปได้ตามปกติ หรือลดการเสียหายลงไป
นอกจากหน้าที่หลัก ๆ แล้วเจอร์มิเนทยังช่วยพืชในขบวนการสังเคราะห์แสง และขบวนการหายใจด้วย
ขณะที่เมล็ดกำลังงอก โปรตีนที่ถูกสะสมไว้ในเมล็ด จะถูกย่อยสลายมาเป็นกรดอมิโน เพื่อนำมาใช้ในการสร้างโปรตีนที่จำเป็นในการเจริญเติบโตของยอดและรากที่จะเกิดใหม่ การใช้ เจอร์มิเนท จึงเป็นเสมือน การเพิ่มชนิดและปริมาณของกรดอมิโนให้กับพืชโดยตรง ทำให้พืชได้รับเพิ่มจากที่มีอยู่แล้ว หรือมีไม่เพียงพอ (ในกรณีที่เมล็ดไม่สมบูรณ์)