รูปเหมือนปั๊มรุ่นแรก หลวงพ่อฉาบ วัดศรีสาคร เนื้อนวะโลหะ No.74
รูปเหมือนปั๊มรุ่นแรก-หลวงพ่อฉาบ-วัดศรีสาคร-เนื้อนวะโลหะ-no-74
ข้อมูลสินค้า
ราคา
3,999.00 2,799.00 บาท
แบรนด์
No Brand
ร้านค้า

รูปเหมือนปั๊มรุ่นแรก หลวงพ่อฉาบ วัดศรีสาคร เนื้อนวะโลหะ No.74

จัดสร้างในปี 2550 เนื้อนวะจำนวน 751 องค์

ตอกโค๊ตเรียงเลขทุกองค์ พระสวยมาพร้อมกล่องเดิม

ประวัติ หลวงพ่อฉาบ วัดศรีสาคร (สิงห์บุรี)"พระครูมงคลนวการ" (หลวงพ่อฉาบ มงฺคโล) ท่านถือกำเนิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๙ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๗๑ ชาติภูมิ ท่านมีนามเดิมว่า "ฉาบ ด้วงดารา" โยมบิดาชื่อ นายเน่า โยมมารดาชื่อ นางสมบุญ ท่านเป็นบุตรคนโต ในจำนวนพี่น้อง ๗ คนด้วยกัน๑.หลวงพ่อฉาบ๒.นายเอิบ๓.นายสังวาล๔.นายประสงค์๕.นายถวิล๖.นายปุ่น๗.นางสมนึก ณ บ้านเลขที่ ๒๗ ต.ต้นโพธิ์ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี จบการศึกษาชั้น ป.๔ ที่ โรงเรียนวัดศรีสาคร ครอบครัวท่านมีอาชีพทำนา หลวงพ่อฉาบ ในตอนยังเป็นฆาราวาส เป็นคนถือสัจจะเป็นใหญ่มีความตั้งใจพูดจริงทำจริงและสนใจในเวทย์มนต์คาถา มักชอบไปกราบนมัสการหาพระอยู่เสมอในปี พ.ศ.๒๔๘๕ (หลวงพ่อแช่ม อินทโชโต) แห่งวัดตาก้อง อ.เมือง จ.นครปฐม ท่านได้สร้างเหรียญรุ่นแรกของท่านขึ้น ได้แจกให้คณะศิษยานุศิษย์ ทายกทายิกาที่ร่วมทำบุญมาทำการทอดกฐินยัง วัดศรีสาครและได้มาพำนักอยู่ที่วัด ศรีสาครเป็นเวลาถึง ๖ เดือน เพราะท่านสนิทกับ (หลวงพ่อดี) เจ้าอาวาสวัดศรีสาครในสมัยนั้น หลวงพ่อฉาบ ในวัยเด็กขณะนั้นอายุได้ ๑๔ ปี มีความศรัทธาเลื่อมใสหลวงพ่อแช่มมาก ได้มากราบนมัสการหลวงพ่อแช่มบ่อยครั้ง และได้ขอฝากตัวเป็นศิษย์ขอเล่าเรียนวิชาคาถาอาคมต่างๆ ในลำดับแรกหลวงพ่อแช่มได้สอนให้เรียนรู้ทางด้านการปฏิบัติจิต สมถกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐาน ให้จิตนิ่งเป็นสมาธิก่อน และหลังจากทำกรรมฐานและวิปัสสนาอยู่ ๓ เดือน หลวงพ่อแช่ม ก็ได้สอนวิชาคาถาอาคมต่างๆ ให้ในปี พ.ศ.๒๔๘๖ หลวงพ่อแช่ม ก็ได้กลับไปวัดตาก้อง หลังจากนั้นในปี พ.ศ.๒๔๘๘ หลวงพ่อแช่มได้มาพำนักที่วัดศรีสาครอีกครั้งหนึ่ง เป็นเวลา ๒๕ วัน หลวงพ่อฉาบ ตอนนั้นอายุได้ ๑๗ ปี ได้เข้าพบรับใช้และเล่าเรียนสอบถามวิชาไสยเวทย์พร้อมให้หลวงพ่อแช่มช่วย ทบทวนวิชาคาถาที่เล่าเรียนจนสามารถปฏิบัติได้ตามคำสอนอย่างดี แล้วหลวงพ่อแช่มก็เดินทางกลับวัดตาก้อง ต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๙๐ หลวงพ่อแช่ม ท่านก็ได้ละสังขารมรณภาพลงในปีนั้นครั้นเมื่อท่านอายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ได้อุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดศรีสาคร เมื่อวันที่ ๑๖ เมษายน พ.ศ.๒๔๙๑ โดยมีพระครูเกศิวิกรม (หลวงพ่อทรัพย์ ฐิตปญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดสังฆราชาวาส เป็นพระอุปัชฌาย์ (พระอาจารย์ประทุม) เจ้าอาวาสวัดสว่างอารมณ์เป็นพระกรรมวาจาจารย์ (พระอธิการฉ่ำ) เจ้าอาวาสวัดตึกราชาวาส เป็นพระอนุสาวนาจารย์ อุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้วได้รับฉายาว่า "มงฺคโล" เมื่อได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้วได้ตั้งจิตมั่นได้กล่าวคำสัจจะวาจาบอกกล่าว ต่อโยมบิดามารดาของท่านว่า เมื่อฉันได้บวชเรียนเป็นภิกษุแล้วจะขอรับใช้พระพุทธศาสนาตลอดชีวิต โยมพ่อและโยมแม่ก็ไม่ได้ทักทวงแต่ประการใด เมื่ออุปสมบทแล้วได้จำพรรษาอยู่ที่วัดศรีสาคร ๒ พรรษา ได้เรียนพระธรรมวินัยไปศึกษาวิปัสสนากรรมฐานและพุทธาคมจาก (หลวงพ่อทรัพย์ ฐิตปญฺโญ) ซึ่งองค์นี้เป็นศิษย์ของหลวงพ่อพูล (เจ้าอาวาสองค์ก่อน) วัดสังฆราชาวาส ซึ่งเป็นสหายธรรมของ (หลวงพ่อเชย วัดท่าควาย) และ (หลวงพ่อเภา วัดถ้ำตะโก) เหรียญรุ่นแรกของหลวงพ่อพูล วัดสังฆราชาวาสเป็นเหรียญยอดนิยมของชาวเมืองสิงห์บุรี ถือว่าเป็นสุดยอดเหรียญที่ศักดิ์สิทธิ์และคงกระพันหลังจากหลวงพ่อฉาบได้ศึกษาวิชาจากหลวงพ่อทรัพย์แล้ว ก็ได้ปรึกษาหลวงพ่อทรัพย์ในการปฏิบัติกิจแห่งธุดงค์วัตร ก็ได้รับการแนะนำสั่งสอนอย่างดีในปี พ.ศ.๒๔๙๓ โดยมุ่งสู่จังหวัดลพบุรีดินแดนซึ่งเคยเป็นอาณาจักร ลวปุระ (ละโว) อันรุ่งเรืองเกรียงไกรมาแล้ว หลวงพ่อฉาบได้เดินธุดงค์ไปยังถ้ำตะโก เพื่อจะไปหาความสงบวิเวก เมื่อถึงถ้ำตะโกมาทราบว่า (หลวงพ่อเภา วัดถ้ำตะโกพุทธโสภา) ท่านได้ละสังขารมรณภาพไปแล้ว ก็ได้พบกับ (หลวงพ่อคง คงฺคปัญโญ) เจ้าอาวาสวัดถ้ำตะโก ศิษย์เอกหลวงพ่อเภา ซึ่งได้รับสืบทอดวิชาวิปัสสนากรรมฐานและไสยเวทย์ต่างๆ จากหลวงพ่อเภาทั้งหมด หลวงพ่อฉาบจึงได้เข้าฝากตัวเป็นศิษย์เรียนวิชาต่างๆ ของหลวงพ่อเภา วัดถ้ำตะโก จากหลวงพ่อคง คงฺคปัญโญ เจ้าอาวาสวัดถ้ำตะโกพุทธโสภา จากนั้นหลวงพ่อฉาบก็เดินทางมุ่งไปสู่ "วัดเขาสาริกา" เพื่อจะไปศึกษาธรรมกรรมฐานจาก (หลวงพ่อกบ) ก็ปรากฎว่าได้มรณภาพไปแล้วเช่นกัน จึงได้มาปฏิบัติธรรมที่ วัดเขาวงกฎ วัดเขาวงกฎอยู่ติดกับวัดเขาสาริกาอยู่คนละฝางเขา ที่วัดเขาวงกฎแห่งนี้ตั้งอยู่ที่สนามแจง ต.สนามแจง อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี เป็นวัดที่ตั้งอยู่ในวงล้อมของเขา เป็นลักษณะหุบเขาเปิด มีทางเข้าออกทางเดียวเมื่อปีพ.ศ.๒๔๖๕ หลวงพ่อเภา พุทธสโร วัดถ้ำตะโกธุดงค์มาพบสถานที่แห่งนี้เข้าเห็นว่าเหมาะแก่การอบรมสมถกรรมฐาน และเจริญวิปัสสนากรรมฐานมาก จึงได้ทำการก่อสร้างให้เป็นวัดโดยสมบูรณ์แบบ มีถ้ำคูหาสวรรค์อยู่ที่เชิงเขาด้านทิศเหนือ ซึ่งหลวงพ่อเภาจะจำพรรษาและทำความเพียรในถ้ำคูหาสวรรค์แห่งนี้ ต่อมากรมพระนครสวรรค์ พระองค์เจ้าบริพัตรสุขุมพันธ์เสด็จมาที่เขาวงกฎได้พบหลวงพ่อเภา ทรงเลื่อมใสในปฏิปทาและแนวทางในการปฏิบัติของหลวงพ่อ จึงได้ถวายปัจจัยให้ก่อสร้างวัด หลวงพ่อเภาได้สร้างกุฏิขึ้นหน้าถ้ำคูหาสวรรค์ให้ชื่อว่า "ตึกบริพัตร" ตามนามของผู้บริจาค และหลวงพ่อเภาได้มาจำพรรษาที่กุฏินี้ตลอดมา หลังจากหลวงพ่อเภาได้มรณภาพในปี พ.ศ.๒๔๗๔ที่วัดแห่งนี้ในปีหนึ่งจะมีพระสงฆ์มาจากวัดต่างๆ ทุกภูมิภาคมาปฏิบัติธรรมที่วัดเขาวงกฎแห่งนี้ หลวงพ่อฉาบได้มาปฏิบัติธรรมได้พบกับ "พระมหาชวน มลิพันธ์" (หลวงพ่อโอภาสี) หลวงพ่อฉาบได้พบหลวงพ่อโอภาสี เล่าเรื่องมีความศรัทธา (หลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกา) แต่มารู้ภายหลังว่าท่านได้มรณภาพไปแล้วด้วยความตั้งใจมุ่งหวังจะศึกษาวิชาต่างๆจากท่าน ก็ได้รับคำแนะนำจากหลวงพ่อโอภาสี ซึ่งเป็นศิษย์ที่รับการถ่ายทอดวิชามาหลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกา หลวงพ่อฉาบจึงขอฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อโอภาสี ขอศึกษาวิชากสิณต่างๆและไสยเวทย์ หลวงพ่อโอภาสีได้ฝึกสอนวิชาต่างๆ ให้เช่นกสิณไฟ และคาถาอาคมต่างๆ ให้หลวงพ่อฉาบจำนวนมากและยังได้ชักชวนนิมนต์ให้หลวงพ่อฉาบเดินทางไปพบท่าน ที่อาศมบางมดกรุงเทพฯในครั้งนั้นที่วัดเขาวงกฎหลวงพ่อฉาบยังได้พบปะรู้จักเป็นสหายธรรมกับ (หลวงพ่อชา สุภัทโท) แห่งวัดหนองป่าพง จังหวัดอุบลราชธานี ก็ได้เดินทางมาปฏิบัติธรรมที่วัดเขาวงกฎแห่งนี้ด้วย ได้ปฏิบัติธรรมร่วมกันได้ขอศึกษาแลกเปลี่ยนวิชาไสยเวทย์ต่างๆ กับหลวงพ่อชา สุภัทโท หลวงพ่อชาเกิดปี พ.ศ.๒๔๗๑ ปีเดียวกับหลวงพ่อฉาบ หลวงพ่อฉาบอยู่ปฏิบัติธรรมเป็นเวลา ๔๕ วัน ก็ได้เดินทางกลับไปยังวัดถ้ำตะโกอีกครั้งหนึ่ง ได้พำนักอยู่ที่วัดถ้ำตะโกพบปะใกล้ชิดกับหลวงพ่อคง อีกครั้งก็มาศึกษาพบว่า ที่วัดถ้ำตะโกแห่งนี้อยู่ในบริเวณดอยเขาเทือกเขาเดียวกับวัดต่างๆ อีกถึง ๓ วัดรวมดอยนี้มีวัดถึง ๔ วัดคือ วัดเขาสมอคอน วัดถ้ำช้างเผือก วัดถ้ำตะโก และวัดบันไดสามแสน ในอดีตตั้งแต่ยุคสมัยทวาราวดีเป็นต้นมา ดอยเทือกเขานี้มีความสำคัญมากมีถ้ำใหญ่น้อยเป็นร้อยๆถ้ำ เป็นที่อยู่ของผู้ทรงศีล สมณะ ฤาษี พราหมณ์ เป็นแห่งกำเนิดของวิชาไสยเวทย์มนต์คาถาแหล่งรวมวิชาไสยศาสตร์ เช่นวิชาขอมดำดิน ก็ก่อเกิดในที่แห่งนี้เป็นตรรกศิลาแห่งไสยศาสตร์และเวทย์มนต์ วัดเขาสมอคอนเป็นวัดอยู่ต้นดอย มีถ้ำพระนอนและที่พำนักของฤาษีสุกกะทันตะและ ถ้ำพราหมณี พ่อขุนรามคำแหงมหาราช กษัตริย์แห่งกรุงสุโขทัยก็มาศึกษาที่แห่งนี้ นับว่าเป็นแหล่งรวมศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่หลวงพ่อฉาบ ก็ได้เดินทางมาที่วัดเขาสมอคอน เข้ากราบนมัสการฝากตัวขอเป็นศิษย์เล่าเรียนวิชาจาก (หลวงพ่อบุญมี อิสสรโร) ศิษย์ผู้รับการสืบทอดวิชาไสยเวทย์จาก (หลวงพ่อพระครูปัชฌาย์ก๋ง จฺนทสโร) พระอุปัชฌาย์ก๋ง มีวิชาไสยเวทย์มากมายได้จากตำราเก่าอักขระยุคขอม ท่านเก่งมาก เทือกเขาสมอคอนหรือเรียกดอยธัมมิกราช ดอยธัมมิกราชวิทยาลัยราชะแห่งยุวทวาราวดี ดอยธัมมิก สาเหตุที่มีชื่อเรียกอย่างนี้เนื่องมาจาก สุกกทันตฤาษี (สุทันตะฤาษี)ในหนังสือชินกาลมนีกล่าวว่าสุกกทันตฤาษีพำนัก ณ ดอยธัมมิก(เขาสมอคอน) อยู่ทางทิศใต้ของกรุงหริภุญชัย (ลำพูน) ในสมัยพระเจ้าจักรวัตติราช แห่งกรุงละโว้ สุกกทันตฤาษี ในสมัยนั้นย่อมเป็นที่รู้จักต่อฝูงชนหมู่คณาจารย์ และบรรดากษัตริย์ต่าง ๆ ทั่วทุกแคว้น ดอยธัมมิกราช เป็นดอยที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาเกี่ยวข้องกับกษัตริย์ในสมัยทวาราวดีเพราะทั้งภาษาหนังสือและความหมายเป็นภาษาชั้นสูงของผู้คงแก่เรียนที่ได้รู้ ในทางพระพุทธศาสนาอย่างมาก จึงสถาปนายอดดอยแห่งนี้เป็นที่ปฏิบัติธรรมของบรรดาฤาษีและผู้มีบุญหนัก ศักดิ์ใหญ่หรืออีกนัยหนึ่งว่าเจ้ากรุงละโว้ทรงเป็นเอกอัครศาสนูปถัมภก พระพุทธศาสนา จนได้สมญาพระนามว่าพระเจ้าธัมมิกราช ความสำคัญของดอยธัมมิกราช เขาสมอคอนได้สมญานามว่าวิทยาลัยแห่งราชา ยุคทวาราวดียอมเป็นที่แน่นอนที่สุดที่บรรดาพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงดัง เรื่องไสยเวทย์เข้มขลังเป็นที่ยอมรับในสมัยเก่าก่อนมากกว่า ๑๕๐ ปีขึ้นไปนั้นส่วนใหญ่จะได้รับการสืบทอดเผยแพร่วิชาไสยเวทย์ มาจากแหล่งกำเนิดวิชาจากดอยธัมมิกราชแห่งนี้ทั้งสิ้นหลวงพ่อฉาบ เมื่อท่านออกธุดงค์ครั้งที่ ๒ แล้ว ก็อยู่แต่ภายในวัดศรีสาคร ไม่ได้เดินทางไปไหนอีกเลยท่านปิดกุฏิเป็นเวลานาน มุ่งบำเพ็ญกรรมฐานและสมาธิวิปัสสนากรรมฐานอยู่เป็นเวลาหลาย ๑๐ ปี ในแต่ละวันจะเปิดกุฎิรับญาติโยมและพุทธศาสนิกชนเพียงบางเวลาเท่านั้นท่านไม่มีโทรทัศน์, วิทยุ ปิดกุฎิไม่รับรู้เรื่องภายนอกแต่ท่านก็รอบรู้เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ดี ท่านจะเน้นเรื่องกรรม บางครั้งสิ่งที่เป็นกรรมเหตุจะเกิดก็ไม่อาจเลี่ยงได้ ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกรรมคุณสุนทร คนที่ดูแลหลวงพ่อคุยให้ฟังว่าหลวงพ่อจะพูดถึง (หลวงพ่อชา สุภัทโท) อยู่เสมอ เหมือนท่านได้นั่งสมาธิส่งกระแสจิตถึงกันเหมือนติดต่อกันทางจิตในวันที่หลวงพ่อชาได้ละสังขารลง หลวงพ่อฉาบได้รีบเดินทางล่วงหน้าไปยังวัดหนองป่าพงและหลวงพ่อฉาบได้ไปร่วมในงานพระราชทานเพลิงศพในครั้งนั้นด้วยหลวงพ่อฉาบได้ศึกษาไสยเวทย์และคาถาต่างๆ จากพระเกจิอาจารย์และพระคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงจำนวนมากอีกทั้งท่านได้ ปฏิบัติดีและประพฤติชอบตามพระธรรมวินัยคำสั่งสอนขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ย่อมเป็นที่ยอมรับนับถือของชาวพุทธและชาวจังหวัดสิงห์บุรีอีกทั้งจังหวัด ใกล้เคียงจำนวนมากหลวงพ่อฉาบท่านได้นำวิชาต่างๆ ที่ได้ร่ำเรียน สงเคราะห์ญาติโยมที่มากราบหรือมาพึ่งบารมีของท่าน ช่วยขจัด ปัดเป่า ให้บรรเทาเบาบางลงไป ด้วยความเป็นพระที่เมตตา เข้าถึงง่าย จึงเป็นที่เคารพและ ศรัทธาของคนในพื้นที่และใกล้เคียงมากพอสมควร นับเป็นพระเกจิอาจารย์ที่ชาวสิงห์บุรีรู้จักกันดี มีชาวบ้าน ให้ความเลื่อมใสศรัทธาเป็นจำนวนมาก มีหลักธรรมคำสอนง่าย ด้วยการใช้เมตตาธรรมในการอบรม สั่งสอนลูกศิษย์ และเน้นความสำคัญของพระพุทธศาสนาที่มีคุณค่าใหญ่หลวงแก่ประเทศชาติบ้านเมืองที่สามารถดำรงสืบทอดมาหลวงพ่อฉาบท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีประพฤติชอบ มีปฏิปทาเป็นที่เลื่อมใสและศรัทธามากยิ่งของชาวจังหวัดสิงห์บุรี ในจังหวัดใกล้เคียงอีกจำนวนมาก ด้านวัตถุมงคลของหลวงพ่อฉาบ มงฺคโล ทุกรุ่นมีประสบการณ์ศักดิ์สิทธิ์เข้มขลังเป็นที่ยอมรับโดยเฉพาะเหรียญรุ่นแรก สร้างปี พ.ศ.๒๕๑๔ ต่างกล่าวขานกันว่าท่านบรรลุญาณสมาบัติชั้นสูง หูทิพย์ตาทิพย์ ได้อภิญญา๖ ถอดกายทิพย์ ไปบิณฑบาตรต่างแดนในสถานที่ต่างๆ มีผู้พบเห็นเดินข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ข้ามไปบิณฑบาตรอีกฝั่งตรงข้าม เข้าไปในห้องที่ปิดประตูทึบโดยสำเร็จวิชาแปลงธาตุ เช่นทึบให้เป็นอากาศธาตุ น้ำให้เป็นดิน ลมให้เป็นไฟได้ เป็นที่โจดขานเล่าลือกันอย่างหนาหูประสบการณ์เรื่องเล่าจากศิษย์ใกล้ชิดที่รับใช้หลวงพ่อมานานนับสิบปี สมัยก่อนเวลาที่ท่านทำน้ำมนต์ เทียนที่หยดลงไปโดนน้ำในตุ่มนั้น จะกลายเป็นดอกบัวที่บานขึ้นทันทีที่ถูกน้ำ เดี๋ยวนี้ท่านใช้มือจับโอ่งหรือเอามือกวนเท่านั้น ใช้ได้เลยหลวงพ่อฉาบท่านถึงแก่มรณภาพลง เมื่อเวลา ๑๙.๒๐ น. วันที่ ๑๙ มี.ค. ปีพ.ศ.๒๕๖๑ สิริอายุรวมได้ ๙๐ ปี ๗๐ พรรษา

คำที่เกี่ยวข้อง
รูปเหมือนปั๊มหลวงพ่อเดิมเหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อรวยเหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อกวยหลวงพ่อสุดวัดกาหลงรุ่นแรกรูปเหมือนหลวงพ่อกวยรูปเหมือนหลวงพ่อเปิ่นหลวงพ่อพัฒน์ เนื้อนวะหลวงพ่อสาครวัดหนองกรับหลวงพ่อคูณรุ่นแรกหลวงพ่อแดงรุ่นแรก

สินค้าใกล้เคียง