พระขุนแผนเสน่ห์จันทร์ พิมพ์เล็ก หลวงพ่อนัส วัดอ่าวใหญ่ จ.ตราด ปี พ.ศ.2558 หลังฝังตะกรุดมีเกษา มีหมายเลขกำกับทุกองค์พระสวยมาพร้อมกล่องเดิม
หลวงพ่อนัส อโนมปญฺโญ เจ้าอาวาสวัดอ่าวใหญ่ อ.อ่าวใหญ่ จ.ตราด เกิดเมื่อวันที่ ๒ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๘๒ บิดาชื่อนาย ติ๊ด มารดาชื่อ นางจ่วง ศรีณรงค์ นางจ่วงมารดาของหลวงพ่อนัสเล่าให้ฟังว่า “ก่อนที่จะตั้งครรภ์ได้ฝันว่ามีเทวดาองค์หนึ่งมาหาแล้วบอกว่าลูกของเจ้าเป็นผู้มีบุญญาธิการสูงส่งมีปัญญาหลักแหลมเหนือใคร ต่อไปในภายภาคหน้าลูกของเจ้าก็จะเป็นที่ยอมรับนับถือของบุคคลทั่วไป”
ศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนวัดห้วงน้ำขาว ต.ห้วงน้ำขาว อ.เมือง จ.ตราด ตอนเยาว์วัยเด็กชายวีนัสหรือหลวงพ่อนัสเป็นเด็กฉลาดซุกซนแก่นแก้วชอบแอบจำคาถาอาคมจากผู้เฒ่าผู้แก่และชอบไปคลุกคลีกับคนที่มีวิชาอาคมทั้งหลายแต่ที่ร่ำเรียนถ่ายทอดจริงจังก็มี ก๋งนวล แดงตนุ ซึ่งเป็นญาติกัน ท่านเห็นแววแห่งความเข้มขลังเลยถ่ายทอดวิชามาหลายอย่างจนหมดที่ท่านมีไม่ว่าจะเป็นวิชาด้านคงกระพันชาตรี เสกแป้ง เสกสีผึ้งเมตตา บูชาไฟไล่ผีและอีกมากจนหมดไส้หมดพุง
หลังจากร่ำเรียนจนช่ำชองแล้วด้วยความแก่นแก้วก็ชอบลองไปทั่ว สมัยนั้นมีคนถูกผีเข้าบ่อย ใครก็เอาไม่อยู่ แต่เด็กชายวีนัสสยบจนราบคาบหมดจึงมีชื่อเสียงมาตั้งแต่เยาว์วัย แต่พออายุได้ ๑๗-๑๘ ปี ก็มารู้จักกับอาจารย์อีกคนชื่อหมอลอยจันทบุรี เป็นหมอยารักษาโรคแบบโบราณแต่ก็เจ๋งเรื่องอาคมขลังอยู่พอตัว พอเห็นหลวงพ่อนัสตอนนั้นเป็นวัยรุ่นก็รู้สึกถูกชะตาขึ้นมาอีกคน เรียกมาทำความรู้จักแล้วก็ถ่ายทอดวิชาที่มีอยู่ให้จนหมดอีกคน หลังจากนั้นก็กลายเป็นหมอยาอีกด้วย
เมื่ออายุครบ ๒๐ ปี หลวงพ่อนัสได้อุปสมบท ณ วัดอ่าวใหญ่ อ.เมือง จ.ตราด ในวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๐๒ ตรงกับวันอังคารเดือน ๖ ปีกุน โดยมีพระครูพุทธิสารวิบูล วัดลำดวน เป็นพระอุปัชฌาย์ โดยมีพระครูพุทธิคุณคชทีป วัดอ่าวใหญ่ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลวงพ่อนัสได้รับฉายยาว่า อโนมปัญโญ หมายถึงผู้มีปัญญาหาเปรียบมิได้ หลังจากหลวงพ่อนัสอุปสมบทเป็นพระภิกษุเรียบร้อยแล้ว ท่านได้ศึกษากับพระครูชมเทียนชัย พระครูชมท่านมีความเชี่ยวชาญทางด้านเมตตา คงกระพัน และเป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ หลวงพ่อนัสตั้งใจร่ำเรียนวิชาจากพระครูชมจนชำนาญ พระครูชม เทียนชัย ได้รับการถ่ายทอดวิชามาจากหลวงพ่ออิ่ม อ.เกาะช้าง จ.ตราด ท่านก๋งชมเดินทางไปๆ มาๆ ระหว่างวัดอ่าวใหญ่กับวัดสลักคอก เกาะช้าง อยู่เป็นประจำ ถ่ายทอดวิชาต่างๆ ให้แก่หลวงพ่อนัส กับอาจารย์ไพ แดงตนุ สมัยบวชอยู่กับหลวงพ่อนัส สุดท้ายวัยชราท่านก๋งได้ประจำพรรษาอยู่วัดอ่าวใหญ่ จนกระทั่งมรณภาพ อาจารย์ไพ แดงตนุ เล่าให้ฟังว่า ท่านก๋งเรียกท่านทั้ง ๒ ให้เข้าไปหาบอกกล่าวต่างๆ ท่านได้จับมือหลวงพ่อนัสได้เกิดปาฏิหาริิย์มีแสงเรืองรองแดงไปทั้งตัวของหลวงพ่อนัส ต่อมาในภายหลังอาจารย์ไพจึงลาสิกขาไป เพราะท่านก๋งชมได้เลือกหลวงพ่อนัสแล้ว และเมื่อ พ.ศ.๒๕๑๓ ไปเรียนกรรมฐานฝึกจิตฝึกสมาธิและวิชาเจิมจนสำเร็จได้รับมอบวิชาและครอบครูจากหลวงพ่อสวน วัดบางกระดาน อ.แหลมงอบ จ.ตราด ซึ่งท่านเป็นเกจิอาจารย์ชื่อดังในยุคสมัยนั้น ได้ถ่ายทอดวิชาเรื่องการเจิมต่างๆ ให้หลวงพ่อนัส ระหว่าง พ.ศ.๒๕๑๓-๒๕๑๕ ได้เดินทางไปศึกษาวิชากับ “พระครูอาคมวิสุทธิ์” หรือ “หลวงพ่อคง สุวณฺโณ” อดีตเจ้าอาวาสวัดวังสรรพรส ต.บ่อ อ.ขลุง จ.จันทบุรี ต.บ่อ อ.ขลุง จ.จันทบุรี โดยเดินทางเท้าไปกลับระหว่างวัดวังสรรพรส กับวัดอ่าวใหญ่ หลวงพ่อนัสได้ศึกษาวิชาปลุกเสกเสือและพระขุนแผน แต่ที่เด่นที่สุดเห็นจะเป็นวิชาย่นระยะทางซึ่งหลวงพ่อคงเห็นถึงความมุมานะตั้งใจที่จะไปร่ำเรียนอย่างจริงจังกับท่านจึงให้วิชาย่นทางมาและที่บอกว่าเด่นมากเพราะลูกศิษย์หลวงพ่อนัสแทบทุกรุ่นจะเห็นหลวงพ่อแสดงปาฏิหาริย์โดยไม่รู้ตัวแทบทุกรุ่นทุกพรรษา เช่น เวลาเดินเข้าไปสวนเงาะของวัดหลวงพ่อจะบอกให้ศิษย์ล่วงหน้าไปก่อนทุกครั้ง ส่วนหลวงพ่อยังนั่งฉันหมากอยู่บนกุฏิ แต่เมื่อไปถึงสวนก็เจอหลวงพ่อทำโน่นนี่นั่นอยู่ในสวนแล้วเป็นประจำ
หลังจากนั้นได้ศึกษาวิชากับหลวงพ่อหมึก วัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา ซึ่งท่านเป็นเกจิชื่อดังในสมัยนั้น หลวงพ่อหมึกมาจำวัดที่วัดอ่าวใหญ่เป็นประจำ หลวงพ่อนัสจึงฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อหมึก จึงศึกษาวิชาอาคมขลังต่างๆ จากหลวงพ่อหมึก สมัยนั้นหลวงพ่อหมึกจะดังมากเรื่องลูกอมเพราะทหารเขมรเอาไปใช้แล้วเหนียวยิงไม่ออก ต่อมาได้เดินไปศึกษาวิชาเมตตาค้าขายนางกวัก เมตตามหานิยม วัดโพธิเฉลิมรักษ์ บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา กับหลวงพ่อแจ๋ หลังจากนั้นก็ได้ศึกษาเล่าเรียนวิชาต่างๆ จากเกจิอาจารย์ท่านอื่นอยู่เป็นเนืองๆ