ซุปเปอร์โมโต, รถจักรยานยนต์ประเภทเทรล, สปอร์ต, สปอร์ตทัวเรอร์, โรดสเตอร์ปลดปล่อยศักยภาพสูงสุด!
การยึดเกาะที่เป็นเลิศและประสบการณ์ไม่เหมือนใคร
ส่วนผสมยางที่พัฒนาจากสนามแข่งให้การยึดเกาะดีเยี่ยมและมอบประสบการณ์ที่เป็นหนึ่งเดียวแก่นักขับ ยางหน้าซึ่งเป็นสายพันธุ์จากสนามแข่งช่วยเพิ่มแรงบังคับเลี้ยวที่ต้องใช้เพื่อการเอนและให้การตอบสนองที่แม่นยำตลอดช่วงการเลี้ยว
เสถียรภาพที่เป็นเลิศ
ยางหลังที่ใช้เทคโนโลยีวิศกรรมเพื่อปรับปรุงแรงกดที่หน้าสัมผัสยาง เทคโนโลยี Adaptive Casing หรือ MICHELIN ACT+ ที่เป็นสิทธิบัตรเฉพาะของมิชลินทำให้ยางมีสมรรถนะที่ดีรอบด้านทั้งขณะวิ่งบนทางตรงและมีเสถียรภาพยอดเยี่ยมขณะเข้าโค้ง
ยึดเกาะดีที่สุดในท้องตลาด*ปัจจัยที่กำหนดคุณลักษณะความสปอร์ตของยางมอเตอร์ไซค์ประกอบด้วย การยึดเกาะถนนและความคล่องตัว รวมถึงการควบคุมระหว่างการเปลี่ยนมุมเอนระหว่างการเบรกและเมื่อเร่งความเร็วกระทันหัน จากการทดสอบของ Motorrad Test Center1มิชลินเป็นที่หนึ่งในทุกๆ ด้านที่กล่าวมา
Adaptive Casing Technology+ ของมิชลิน
การใช้ชั้นโครงสร้างยางเพียงชั้นเดียวช่วยลดความแข็งของหน้ายาง ในขณะที่แก้มยางถูกเสริมความแข็งแกร่งโดยการพับชั้นโครงสร้างทับซ้ำ
* อ้างอิงตามชุดการทดสอบที่ดำเนินการโดยศูนย์การทดสอบมอเตอร์ราด (Motorrad Test Center) ในเดือนตุลาคม 2016 ที่สนามบ็อกซ์เบิร์กและนอยเฮาเซิน (เยอรมนี) โดยใช้ BMW S1000RR ติดตั้งด้วยยาง 120/70ZR17 และ 190/55ZR17 เปรียบเทียบกับยาง Power RS ของมิชลินกับยางคู่แข่งดังต่อไปนี้: Pirelli Diablo Rosso 3, Dunlop Sportsmart 2, Continental Sportattack III, Bridgestone S21, Metzeler M7 RR
อายุการใช้งานที่ยาวนานเป็นพิเศษ
จากการทดสอบอิสระโดย Dekra Test Center พบว่ายาง MICHELIN Power RS มีอายุการใช้งานยาวนานกว่ายางคู่แข่งในกลุ่มเดียวกันมากถึง 33%**
สมรรถนะที่ดีกว่าเดิมบนถนนเปียก
ยาง MICHELIN Power RS ยึดเกาะบนถนนเปียกได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับยาง MICHELIN Pilot Power3 ที่เป็นยางรุ่นก่อนหน้า ***
** อ้างอิงตามการทดสอบที่ดำเนินการโดย Dekra Test Center ระหว่างวันที่ 31 มกราคม ถึงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2017 โดยใช้ BMW K1300 R ติดตั้งด้วยยาง Metzeler M7RR, Pirelli Diablo Rosso III และ Bridgestone S21 เพื่อเปรียบเทียบกับ MICHELIN Power RS (ยางหน้า: 120 70ZR17 / ยางหลัง: 190 55 ZR17)
*** จากการทดสอบภายในที่ Fontange ประเทศฝรั่งเศสในเดือนธันวาคม 2015 และกรกฎาคม 2016 โดยใช้รถ BMW S1000RR ความแตกต่างระหว่างยางสองประเภทอยู่ที่ 3 วินาทีต่อรอบวิ่ง (lap) ในสภาพอากาศเย็น และ 2 วินาทีที่อุณหภูมิ 28 องศา